Knowledge Center

Social Commerce คืออะไร การตลาดที่ร้านค้าออนไลน์กลับมาให้ความสนใจ 

Social Commerce

จากการคลิกไลค์สู่การคลิกซื้อ Social Commerce คือปรากฏการณ์ที่เปลี่ยนโฉมหน้าการช้อปปิ้งออนไลน์ไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่เคยใช้แค่แชร์รูป พูดคุยและติดตามเรื่องราว แต่กลับกลายเป็นตลาดดิจิทัลขนาดใหญ่ที่มียอดขายพุ่งสูงถึงหลักหมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี ด้วยพลังของ Social Commerce ที่ผสานการสร้างคอมมูนิตี้เข้ากับการขาย ทำให้การช้อปปิ้งสะดวกและเข้าถึงได้ง่ายกว่าที่เคย วันนี้ MyCloud Fulfillment จะพามาทำความรู้จักว่า Social Commerce กันในบทความนี้ 

2 ชวนมาทำความรู้จักกับ Social Commerce คืออะไร 

Social Commerce คือรูปแบบการค้าขายสินค้าและบริการที่เกิดขึ้นโดยตรงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ซึ่งรวมทุกขั้นตอนของการซื้อขายไว้ในที่เดียว ตั้งแต่การค้นหาสินค้า ดูข้อมูล สอบถามรายละเอียด ไปจนถึงการชำระเงิน โดยผู้ซื้อไม่จำเป็นต้องออกจากแพลตฟอร์มที่ใช้งานอยู่ ทำให้การซื้อขายเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว ปัจจุบันแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง TikTok Shop, Facebook หรือ Instagram เป็นต้น โดยแต่ละแพลตฟอร์มต่างก็มีฟีเจอร์ที่รองรับการทำ Social Commerce อย่างครบวงจร 

Social Commerce มีกี่ประเภท อะไรบ้าง

การทำ Social Commerce นั้นมีหลากหลายรูปแบบที่น่าสนใจ แต่ละประเภทก็มีจุดเด่นและวิธีการเข้าถึงลูกค้าที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้  

Peer-to-peer Commerce 

Peer-to-peer Commerce เป็นการซื้อขายระหว่างผู้บริโภคด้วยกันเอง (Consumer-to-Consumer หรือ C2C) โดยใช้โซเชียลมีเดียเป็นตัวกลางในการพบปะและทำธุรกรรม ซึ่งจะให้ความรู้สึกเป็นกันเองและความไว้วางใจระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย เพราะทั้งสองฝ่ายสามารถพูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูล และตกลงราคากันได้โดยตรง ทำให้เกิดชุมชนการซื้อขายที่มีความเป็นส่วนตัวและมีความยืดหยุ่นสูง  

Conversational Commerce

Conversational Commerce คือรูปแบบการซื้อ-ขายที่เน้นการสื่อสารผ่านช่องทางแชทและการไลฟ์สตรีมขายของบนโซเชียลมีเดีย โดยครอบคลุมตั้งแต่การสอบถามข้อมูล การนำเสนอสินค้าแบบ Real-time ไปจนถึงการให้บริการหลังการขายผ่านการทำ Chat Commerce ที่จะช่วยให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง สร้างประสบการณ์การซื้อ-ขายที่สะดวกและรวดเร็วให้แก่ลูกค้า   

Chat Commerce

Chat Commerce คือการผสมผสานระหว่างสื่อสังคมออนไลน์กับการค้าขาย ทำให้ Chat Commerce กลายเป็นหนึ่งในรูปแบบการขายที่โดดเด่น ด้วยการใช้แพลตฟอร์มแชทเป็นช่องทางหลักในการซื้อขาย ให้บริการลูกค้าและสร้างความสัมพันธ์ ผู้ขายสามารถให้ข้อมูลสินค้า ตอบคำถามและปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่ผู้ซื้อก็รู้สึกสะดวกสบาย เพราะสามารถโต้ตอบกลับได้อย่างรวดเร็วเหมือนกับไปซื้อของที่หน้าร้าน นอกจากนี้ ยังสามารถนำเทคโนโลยีอย่างแชทบอทมาช่วยให้บริการลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง 

เพื่อพัฒนารูปแบบการขายผ่านช่องแชทในมีประสิทธิภาพมกายิ่งขึ้น MyCloud ได้พัฒนาระบบ Chat Bitly ที่จะช่วยให้เจ้าของร้านค้าออนไลน์สามารถจัดการการสนทนากับลูกค้าได้อย่างง่ายดาย ด้วยฟีเจอร์การตอบกลับอัตโนมัติและระบบแชทบอทอัจฉริยะที่ให้บริการลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยลดภาระงานของทีมขาย ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทันที และสร้างประสบการณ์การซื้อขายที่ราบรื่น ทำให้ Social Commerce เป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกธุรกิจ 

Group Buying 

Group Buying เป็นกลยุทธ์การขายที่กระตุ้นให้ผู้บริโภครวมกลุ่มกันซื้อสินค้าในปริมาณมาก เพื่อได้รับส่วนลดพิเศษ วิธีนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มยอดขาย แต่ยังสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างลูกค้า กระตุ้นให้เกิดการบอกต่อและขยายฐานลูกค้าผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Social Advertising

การโฆษณาบนสื่อสังคมออนไลน์เป็นเครื่องมือสำคัญในการทำ Social Commerce ด้วยความสามารถในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ผู้ขายสามารถสร้างแคมเปญโฆษณาที่ตรงใจผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอสินค้าใหม่ โปรโมชั่นพิเศษหรือเนื้อหาที่สร้างการมีส่วนร่วม โดยสามารถวัดผลและปรับแต่งแคมเปญได้แบบเรียลไทม์ ช่วยให้การลงทุนด้านการตลาดมีประสิทธิภาพและคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น 

Live Commerce 

Live Commerce เป็นการผสมผสานระหว่างความบันเทิงและการขายสินค้าผ่านการถ่ายทอดสดบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ช่วยสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สนุกและมีชีวิตชีวา ระหว่าง Live ขายของนั้น ผู้ขายสามารถสาธิตสินค้า ตอบคำถามและมอบโปรโมชั่นพิเศษแบบเรียลไทม์ ขณะที่ผู้ซื้อก็ได้เห็นสินค้าจริงและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ขายได้ทันที ส่งผลให้การตัดสินใจซื้อเป็นไปอย่างรวดเร็วและมั่นใจมากขึ้น 

MyCloud ช่วยให้การขายผ่าน Live สะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการจัดการสต็อกสินค้าแบบเรียลไทม์ ทำให้ผู้ขายสามารถโฟกัสกับการนำเสนอสินค้าและสร้างความสนุกในไลฟ์ได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลกับเรื่องการจัดการสต็อกหลังบ้านที่ต่อไป เพราะระบบจะอัปเดตสต็อกแบบ Real-time ทุก ๆ 3 นาที ซึ่งเหมาะมาก ๆ สำหรับการไลฟ์ขายของบน TikTok ที่มักมียอดสั่งซื้อพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงที่มีผู้ชมเข้ามาจำนวนมาก (Peak Hours) นอกจากนี้ ยังจัดลำดับออเดอร์ ช่วยให้คุณสามารถจัดส่งสินค้าอย่างรวดเร็วตาม SLA หลังจบไลฟ์ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของ TikTok Shop ที่ให้ความสำคัญกับความรวดเร็วในการจัดส่ง ลดปัญหาเรื่องแพ็คสินค้าไม่ทันหรือจัดส่งล่าช้า ทำให้ลูกค้าได้รับสินค้าเร็วขึ้น สร้างความประทับใจและเพิ่มโอกาสในการขาย และยังเกิดการซื้อซ้ำ ดึงดูดลูกค้าใหม่และกระตุ้นยอดขายในการไลฟ์ครั้งต่อไปได้อีกเช่นกัน 

Affiliate Program  

Affiliate Program เป็นกลยุทธ์การตลาดที่สร้างเครือข่ายพันธมิตรในการขายสินค้า โดยผู้ขายจะร่วมมือกับ Influecer บนโลกโซเชียลมีเดียหรือผู้ที่มีฐานผู้ติดตาม ให้ช่วยโปรโมทและขายสินค้าแล้วรับผลตอบแทนเป็นค่า Commission โดยวิธีนี้ช่วยขยายการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ และสร้างความน่าเชื่อถือผ่านการรีวิวและแนะนำจากบุคคลที่กลุ่มเป้าหมายไว้วางใจ 

ตัวอย่างการทำ Affiliate Program ที่เห็นได้ชัดเลย อย่างบน แพลตฟอร์มอย่าง TikTok Shop กับฟีเจอร์ “ปักตะกร้า” ที่ช่วยให้การทำ Affiliate Marketing ง่ายขึ้น โดย Influencer สามารถแนะนำสินค้าผ่านคลิปวิดีโอ พร้อมวางลิงก์สินค้าให้ผู้ชมสามารถกดซื้อได้ทันที เมื่อมีการซื้อสินค้าผ่านลิงก์ดังกล่าว Influencer จะได้รับค่าคอมมิชชั่นตามที่ตกลงกับร้านค้า ทำให้เกิดความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ร้านค้าได้ยอดขายเพิ่มขึ้น ขณะที่ Influencer ก็มีรายได้จากการแนะนำสินค้าที่ตนเองชื่นชอบ   

Social Commerce มีหลักการทำงานอย่างไร 

หลักการทำงานของ Social Commerce คือจะผสมผสานระหว่างการตลาดและการขายเข้าด้วยกันบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย โดยใช้ประโยชน์จากอัลกอริธึมและข้อมูลผู้ใช้ เพื่อส่งมอบประสบการณ์การซื้อ-ขายที่เฉพาะเจาะจง ธุรกิจสามารถนำเสนอสินค้าผ่านโพสต์ โฆษณาและแคมเปญต่าง ๆ โดยลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้ทันทีจากหน้าฟีดของตนเอง 

แพลตฟอร์ม Social Commerce ที่เป็นที่นิยม มีอะไรบ้าง 

เนื่องจากแพลตฟอร์มมีจุดเด่นและกลุ่มผู้ใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนั้นการเลือกใช้แพลตฟอร์มที่เหมาะสมจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการทำ Social Commerce ให้ประสบความสำเร็จ โดยแพลตฟอร์มที่เป็นที่นิยมในไทยมีดังนี้ 

ซื้อสินค้าออนไลน์

TikTok Shop

TikTok Shop สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการ Social Commerce คือผสมผสานความบันเทิงและการขายเข้าด้วยกัน ผ่านคอนเทนต์วิดีโอสั้นที่สร้างสรรค์และน่าสนใจ ด้วยพลังของอัลกอริธึมที่แม่นยำ ทำให้สินค้าสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด 

Facebook 

Facebook ถือเป็นแพลตฟอร์มที่ครองใจผู้ใช้มายาวนาน ด้วยฟีเจอร์ที่ครบครัน ทั้ง Facebook Shop, Marketplace และระบบไลฟ์สตรีม ทำให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถสร้างร้านค้าออนไลน์ที่ครบวงจรได้ พร้อมระบบการชำระเงินที่ปลอดภัย นอกจากนี้ ยังมีการใช้ Chatbot ช่วยในการบริการลูกค้าและการไลฟ์ขายสินค้าที่สร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้แบบ Real-time 

Instagram 

Instagram เป็นแพลตฟอร์มที่มีความโดดเด่นด้วยการนำเสนอสินค้าผ่านภาพและวิดีโอที่สวยงาม พร้อมฟีเจอร์ Shopping ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถกดซื้อสินค้าได้ทันทีจากโพสต์ Stories หรือ Reels เหมาะสำหรับสินค้าประเภทแฟชั่น ความงามและไลฟ์สไตล์ที่ต้องการนำเสนอภาพลักษณ์ที่ดูดี  

Line OA 

LINE ได้พัฒนาแอปตัวเองจากแอปแชทยอดนิยมสู่แพลตฟอร์มการช้อปปิ้งที่ครบวงจร ด้วยระบบ LINE Shopping ที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถสร้างร้านค้าและจัดการการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมระบบการชำระเงินที่ปลอดภัยและการแจ้งเตือนที่สะดวกรวดเร็ว 

อย่างไรก็ตามการทำ Social Commerce ให้ประสบความสำเร็จนั้น นอกจากการเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมแล้ว สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือระบบการจัดการคลังสินค้าและการจัดส่งที่มีประสิทธิภาพ MyCloud Fulfillment มีโซลูชันที่ช่วยอำนวยความสะดวกสำหรับการขายผ่าน Social Commerce ด้วยฟีเจอร์ MyCloud Chat Bitly ที่ช่วยจัดการออเดอร์จากการขายผ่าน เช่น Facebook, Instagram และ LINE OA สร้างลิงก์สรุปออเดอร์และช่องทางชำระเงิน (ทั้งแบบโอนและ QR Payment) ส่งให้ลูกค้าที่ซื้อผ่านแชท โดยลูกค้าสามารถกรอกข้อมูลส่วนตัวและชำระเงินได้ในขั้นตอนเดียว จากนั้นข้อมูลออเดอร์จะถูกส่งเข้าระบบโดยอัตโนมัติ พร้อมให้ MyCloud ดำเนินการแพ็คและจัดส่งสินค้าทันที โดยที่ร้านค้าไม่ต้องเสียเวลาคีย์ออเดอร์ย้อนหลัง ช่วยลดขั้นตอนการทำงานและความผิดพลาดในการจัดการออเดอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ   

Social Commerce มีประโยชน์อย่างไรบ้าง 

Social Commerce คือวิธีที่จะช่วยสร้างคุณค่าให้ทั้งธุรกิจและผู้บริโภคในหลายด้าน ได้แก่

  • การสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และลูกค้า 
  • ลดขั้นตอนการซื้อขายให้ง่ายและรวดเร็วขึ้น 
  • เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ

นอกจากนี้ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถรับฟีดแบ็กและปรับปรุงสินค้าและบริการได้อย่างรวดเร็ว สร้างความเชื่อมั่นผ่านรีวิวและการบอกต่อ รวมถึงเพิ่มอำนาจในการแข่งขันกับตลาด E-Marketplace ขนาดใหญ่ได้อีกเช่นกัน  

8 เทคนิคการสร้างกลยุทธ์ Social Commerce มัดใจลูกค้า 

หากอยากทำ Social Commerce ให้ประสบความสำเร็จก็จำเป็นต้องอาศัยการวางแผนที่รอบคอบและการปรับใช้เทคนิคต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ดังนี้ 

1. เข้าใจความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย 

เทคนิคแรกของการทำ Social Commerce คือจำเป็นต้องเข้าใจถึงพฤติกรรมและความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย จากสถิติพบว่า 40% ของผู้บริโภคค้นหาสินค้าจากโพสต์ของแบรนด์บนโซเชียลมีเดีย ดังนั้นการศึกษาข้อมูลและพฤติกรรมการใช้ของกลุ่มเป้าหมายจึงจะช่วยให้คุณสามารถผลิตเนื้อหาคอนเทนต์และแคมเปญที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายได้  

2. เลือกแพลตฟอร์มในการทำ Social Commerce ให้เหมาะสม 

แต่ละแพลตฟอร์มมีจุดแข็งและกลุ่มผู้ใช้ที่แตกต่างกันออกไป เช่น Instagram เหมาะกับสินค้าแฟชั่นและความงามที่เน้นการนำเสนอผ่านภาพ ในขณะที่ TikTok จะเหมาะกับสินค้าไลฟ์สไตล์และสินค้าเทรนด์ที่สามารถนำเสนอผ่านคลิปวิดีโอสั้น ๆ ได้อย่างสนุกสนาน ตรงใจกลุ่มคนรุ่นใหม่หรือวัยรุ่นเจน Z ดังนั้น จึงทำให้การเลือกแพลตฟอร์มที่ตรงกับลักษณะสินค้าและพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงและการขายได้มากขึ้น 

3. สร้างความน่าเชื่อถือ 

การสร้างโปรไฟล์ที่น่าเชื่อถือและเป็นมืออาชีพ คือสิ่งสำคัญในการสร้างความไว้วางใจจากลูกค้า ควรใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การใช้รูปภาพคุณภาพสูง โลโก้ที่เป็นมืออาชีพ คำอธิบายที่ชัดเจนและการใช้คำหลักที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือและดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น  

4. ทำคอนเทนต์ที่น่าสนใจ เพื่อดึงดูดลูกค้า 

Social Commerce คือการสร้างประสบการณ์การซื้อขายที่น่าประทับใจให้แก่ลูกค้า ดังนั้นการทำคอนเทนต์ที่มีคุณภาพและตรงใจกลุ่มเป้าหมายจึงเป็นหัวใจสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่าย วิดีโอหรือบทความ ต้องนำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจ มีคุณค่าและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ติดตาม นอกจากนี้ การลงคอนเทนต์ที่หลากหลายและโพสต์บ่อย ๆ สม่ำเสมอก็จะช่วยเพิ่มโอกาสให้การมองเห็นและกระตุ้นการมีส่วนร่วมให้เกิดการซื้อได้ 

5. Live Shopping

การไลฟ์ขายของเป็นเทรนด์ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในวงการ E-commerce โดยเฉพาะในประเทศไทย ด้วยการนำเสนอสินค้าแบบ Real-time ที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากลูกค้า เพราะลูกค้าสามารถเห็นสินค้าจริง ได้รับคำแนะนำและสามารถสอบถามข้อมูลได้ทันที เสมือนการซื้อของที่หน้าร้าน 

นอกจากนี้ การไลฟ์ขายของยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ร้านค้าของคุณได้อีกเช่นกัน เนื่องจากลูกค้าได้เห็นตัวตนของผู้ขายจริง ๆ ได้รับข้อมูลสินค้าที่ถูกต้องและครบถ้วน ทำให้การช้อปปิ้งสนุกและเป็นธรรมชาติมากขึ้น ทำให้ลูกค้าอยากกลับมาซื้อซ้ำและมีการบอกต่อให้เพื่อน ๆ มาอุดหนุนกันอีกด้วย ซึ่งถือเป็นผลดีต่อธุรกิจของคุณในระยะยาวอีกด้วย  

6. กระตุ้นให้เกิด Brand Awareness

การสร้างการรับรู้แบรนด์ หรือ Brand Awareness ถือเป็นสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจออนไลน์ซึ่งทำได้หลากหลายวิธี โดยเฉพาะการกระตุ้นให้ลูกค้าแชร์ประสบการณ์การใช้สินค้า ไม่ว่าจะเป็นการรีวิว แชร์รูปภาพ หรือการแท็กแบรนด์บนโซเชียลมีเดีย และมีการมอบส่วนลดพิเศษหรือคะแนนสะสมต่าง ๆ ให้กับลูกค้าที่แชร์ประสบการณ์ ถือเป็นอีกแรงจูงใจที่ดีในการสร้างการมีส่วนร่วม เมื่อมีการแชร์ต่อในวงกว้าง ก็จะยิ่งช่วยขยายฐานลูกค้าและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์มากขึ้น เพราะผู้บริโภคมักเชื่อถือคำบอกเล่าและรีวิวจากผู้ใช้จริงมากกว่าการโฆษณาจากแบรนด์เอง 

7. สร้างเว็บไซต์ให้ถูกมองเห็น 

ปัจจุบันคนส่วนใหญ่นิยมใช้เครื่องมือค้นหาอย่าง Google เป็นหลัก ดังนั้นการสร้างเว็บไซต์ให้เป็นติดอันดับตามหลัก SEO พร้อมเนื้อหาที่มีคุณภาพ ก็จะช่วยให้แบรนด์เป็นที่รู้จักและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม การทำ SEO ควรมุ่งเน้นการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ ประสบการณ์การอ่านที่ดีให้กับผู้ใช้เป็นหลัก ไม่ใช่แค่การทำเพื่อติดอันดับเท่านั้น เพราะเมื่อผู้ใช้ได้รับประโยชน์จากเนื้อหาและบริการบนเว็บไซต์ พวกเขาก็จะกลับมาเยี่ยมชมอีกและอาจแนะนำต่อให้คนอื่น ๆ รู้จักแบรนด์ของคุณมากขึ้น 

8. Influencer Marketing ทำการตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น 

การร่วมงานกับอินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียง โดยเฉพาะ Micro Influencer ที่มีผู้ติดตามเยอะ ก็จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ การสร้างเนื้อหา เช่น การรีวิวที่มีความเป็นธรรมชาติและตรงใจผู้ชม จะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายและสร้างการจดจำแบรนด์ได้มากยิ่งขึ้น   

ไลฟ์ขายของ

สรุปบทความ 

Social Commerce เป็นมากกว่าแค่การขายสินค้าบนโซเชียลมีเดีย แต่เป็นการเชื่อมโยงระหว่างแบรนด์และผู้บริโภคเข้าด้วยกัน ด้วยการผสมผสานการตลาด การขายและการสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดีให้แก่ลูกค้า ทำให้การซื้อ-ขายเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายมากขึ้น เมื่อเข้าใจว่า Social Commerce คืออะไร ความสำเร็จจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับการมีอยู่บนทุกแพลตฟอร์ม แต่อยู่ที่การเลือกใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม เข้าใจกลุ่มเป้าหมายและสร้างคุณค่าที่แท้จริงให้กับลูกค้า ในยุคที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การปรับตัวและพัฒนากลยุทธ์ Social Commerce อย่างต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนในปัจจุบัน 

ทั้งนี้ก็ยังจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการจัดการหลังการขายด้วยเช่นกัน MyCloud Fulfillment พร้อมเข้ามาเป็นตัวช่วยที่แข็งแกร่งสำหรับธุรกิจของคุณ ด้วยระบบจัดการคลังสินค้าและการจัดส่งที่ทันสมัย ช่วยให้การทำ Social Commerce สำหรับร้านค้าของคุณนั้นเป็นไปได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ผ่านฟีเจอร์ MyCloud Chat Bitly ช่วยให้การขายของคุณทำได้อย่างง่ายดาย สรุปออเดอร์ให้ลูกค้าได้ผ่านกล่องข้อความ สะดวกได้มากยิ่งขึ้นด้วยการชำระเงินผ่าน QR Payment หรือชำระผ่านธนาคารและอัปโหลดสลิปผ่านระบบ ข้อมูลคำสั่งซื้อก็จะถูกส่งเข้าระบบ แพ็คสินค้าพร้อมจัดส่งเลย นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ที่จะช่วยให้ลูกค้าปลายทางสามารถตรวจเช็กสถานะขอสินค้าได้แบบ Real-time ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าสินค้าจะถึงมือลูกค้าอย่างรวดเร็วและปลอดภัย สร้างความประทับใจและการบอกต่อ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตอย่างยั่งยืนในโลกของ Social Commerce 

สนใจศึกษาและลงทะเบียนได้ที่ https://www.mycloudfulfillment.com/quotation 

หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร: 092-472-7742, 02-138-9920

บทความที่เกี่ยวข้อง

อ่านเพิ่มเติม

What is Omni-Channel ?

          Customers’ experiences and satisfaction are considered as a business’ s important goals. Therefore, an entrepreneur must bring various strategies to attract customers’ attention. Nowadays, customers expect real-time service through a variety of channels.           Hence, to communicate with customers both online and offline is equally important, […]

ทำไม Special Set ถึงขายดี? 8 เหตุผลที่คุณต้องรู้!

อยากขายดีแบบม้วนเดียวจบ? ถ้าคุณเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่อยากเพิ่มยอดขายในช่วงเทศกาลพิเศษอย่างช่วงปีใหม่ New Year ต้องไม่พลาดกับกลยุทธ์สุดปังนี้!นั่นก็คือการจัด “Special Set” ไม่ใช่แค่การนำของมารวมกันธรรมดาๆ แต่มันคือ “ศาสตร์และศิลป์” ที่ช่วยทำให้สินค้าในร้านของคุณขายดีจนสต็อกแทบไม่พอ และสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้ลูกค้า จนอยากกลับมาซื้อซ้ำ! ไม่เพียงแต่ในช่วงปีใหม่เท่านั้น แต่ยังได้ผลดีในทุกเทศกาลสำคัญตลอดทั้งปี เช่น วันวาเลนไทน์ เทศกาลสงกรานต์ หรือแม้กระทั่งวันแม่ ลองคิดดูสิคะ… ถ้าลูกค้าเลื่อนดูร้านของคุณแล้วเจอสินค้าแบบเซ็ตที่จัดมาให้ครบ ใช้ง่าย คุ้มค่า และเหมาะกับโอกาสพิเศษ จะมีเหตุผลอะไรที่พวกเขาจะไม่กด “ซื้อ” ล่ะ? บทความนี้จะพาคุณมาไขความลับกับ 8 เหตุผลว่าทำไมสินค้าแบบเซ็ตถึงสร้างแรงดึงดูดให้ลูกค้า และช่วยเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจของคุณได้ในพริบตา! 1. คุ้มค่าคุ้มราคา การขายแบบเซ็ตเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกถึงความคุ้มค่าและผลประโยชน์ที่ได้รับจากการซื้อในครั้งนี้ เพราะลูกค้าได้สินค้าหลายชิ้นในราคาที่ถูกกว่าซื้อแยกแต่ละชิ้น เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าโดยตรง นอกจากนี้ การขายแบบเซ็ตยังช่วยดึงดูดลูกค้ากลุ่มที่ลังเลในการตัดสินใจซื้อ ด้วยความรู้สึกว่า “ได้ของมากกว่าในราคาที่จ่ายน้อยกว่า” การนำเสนอเซ็ตสินค้าแบบนี้ไม่เพียงแค่เพิ่มยอดขายในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้แบรนด์ดูมีความใส่ใจและเข้าใจความต้องการของลูกค้า ส่งผลให้ลูกค้ามองว่าแบรนด์ให้ความสำคัญกับการสร้างความพึงพอใจและความคุ้มค่าแก่พวกเขา การขายแบบเซ็ตยังช่วยสร้างความจงรักภักดีในระยะยาว เพราะลูกค้าจะรู้สึกประทับใจกับความคุ้มค่าที่ได้รับ ทำให้พวกเขากลับมาซื้อซ้ำหรือแนะนำแบรนด์ให้กับคนรอบข้าง นอกจากนี้ เซ็ตโปรโมชั่นพิเศษ เช่น “เซ็ตต้อนรับปีใหม่” หรือ “เซ็ตวันแม่” ยังช่วยกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกและสร้างโอกาสในการขายในช่วงเวลาสำคัญ ตัวอย่าง : […]

What is Omni-Channel ?

          Customers’ experiences and satisfaction are considered as a business’ s important goals. Therefore, an entrepreneur must bring various strategies to attract customers’ attention. Nowadays, customers expect real-time service through a variety of channels.           Hence, to communicate with customers both online and offline is equally important, […]

ทำไม Special Set ถึงขายดี? 8 เหตุผลที่คุณต้องรู้!

อยากขายดีแบบม้วนเดียวจบ? ถ้าคุณเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่อยากเพิ่มยอดขายในช่วงเทศกาลพิเศษอย่างช่วงปีใหม่ New Year ต้องไม่พลาดกับกลยุทธ์สุดปังนี้!นั่นก็คือการจัด “Special Set” ไม่ใช่แค่การนำของมารวมกันธรรมดาๆ แต่มันคือ “ศาสตร์และศิลป์” ที่ช่วยทำให้สินค้าในร้านของคุณขายดีจนสต็อกแทบไม่พอ และสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้ลูกค้า จนอยากกลับมาซื้อซ้ำ! ไม่เพียงแต่ในช่วงปีใหม่เท่านั้น แต่ยังได้ผลดีในทุกเทศกาลสำคัญตลอดทั้งปี เช่น วันวาเลนไทน์ เทศกาลสงกรานต์ หรือแม้กระทั่งวันแม่ ลองคิดดูสิคะ… ถ้าลูกค้าเลื่อนดูร้านของคุณแล้วเจอสินค้าแบบเซ็ตที่จัดมาให้ครบ ใช้ง่าย คุ้มค่า และเหมาะกับโอกาสพิเศษ จะมีเหตุผลอะไรที่พวกเขาจะไม่กด “ซื้อ” ล่ะ? บทความนี้จะพาคุณมาไขความลับกับ 8 เหตุผลว่าทำไมสินค้าแบบเซ็ตถึงสร้างแรงดึงดูดให้ลูกค้า และช่วยเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจของคุณได้ในพริบตา! 1. คุ้มค่าคุ้มราคา การขายแบบเซ็ตเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกถึงความคุ้มค่าและผลประโยชน์ที่ได้รับจากการซื้อในครั้งนี้ เพราะลูกค้าได้สินค้าหลายชิ้นในราคาที่ถูกกว่าซื้อแยกแต่ละชิ้น เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าโดยตรง นอกจากนี้ การขายแบบเซ็ตยังช่วยดึงดูดลูกค้ากลุ่มที่ลังเลในการตัดสินใจซื้อ ด้วยความรู้สึกว่า “ได้ของมากกว่าในราคาที่จ่ายน้อยกว่า” การนำเสนอเซ็ตสินค้าแบบนี้ไม่เพียงแค่เพิ่มยอดขายในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้แบรนด์ดูมีความใส่ใจและเข้าใจความต้องการของลูกค้า ส่งผลให้ลูกค้ามองว่าแบรนด์ให้ความสำคัญกับการสร้างความพึงพอใจและความคุ้มค่าแก่พวกเขา การขายแบบเซ็ตยังช่วยสร้างความจงรักภักดีในระยะยาว เพราะลูกค้าจะรู้สึกประทับใจกับความคุ้มค่าที่ได้รับ ทำให้พวกเขากลับมาซื้อซ้ำหรือแนะนำแบรนด์ให้กับคนรอบข้าง นอกจากนี้ เซ็ตโปรโมชั่นพิเศษ เช่น “เซ็ตต้อนรับปีใหม่” หรือ “เซ็ตวันแม่” ยังช่วยกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกและสร้างโอกาสในการขายในช่วงเวลาสำคัญ ตัวอย่าง : […]