Knowledge Center

การนับสต๊อก คืออะไร พร้อม 3 เทคนิคช่วยให้คุณเช็กสต๊อกสินค้าได้ง่าย ๆ ถูกต้องและแม่นยำ 

การนับสต๊อกสินค้า

เปิดร้านขายสินค้าทั้งที ไม่ว่าจะในรูปแบบออฟไลน์หรือออนไลน์การนับสต๊อกสินค้าก็ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ และเป็นเรื่องพื้นฐานที่ทุกร้านค้าจำเป็นต้องทำ ทั้งนี้ก็เพื่อการจัดการที่เป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินการต่อไปได้ วันนี้ MyCloud เลยอยากจะพาคุณไปทำความรู้จักกันให้ละเอียดกว่านี้ว่า จริง ๆ แล้ว การนับสต๊อกสินค้า คืออะไร มีกี่ประเภท พร้อมทั้งเทคนิคในการเช็กสต๊อกสินค้าให้ถูกต้องและแม่นยำกัน ในบทความนี้ค่ะ!  

การนับสต๊อกสินค้า คืออะไร

นับสต๊อกสินค้า คือการตรวจสอบหรือเช็กให้แน่ใจว่า มีจำนวนสินค้าคงคลังอยู่ในคลังสินค้าเท่าไหร่ โดยจะนับรวมสินค้าทั้งหมด ได้แก่ สินค้าที่เพิ่งรับเข้ามา สินค้าคงคลัง สินค้าค้างสต๊อกและจะทำการบันทึกข้อมูลเหล่านี้เข้าสู่ระบบคลังสินค้า ไม่เพียงเท่านั้น ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่การบันทึกจำนวนสินค้า แต่ก็มีความสำคัญมากกว่านั้น โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ทำธุรกิจออนไลน์ การมีจำนวนสต๊อกสินค้าที่แม่นยำก็จะช่วยให้ร้านค้าสามารถบริหารจัดการสินค้าในคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่พบกับปัญหาการขายของออนไลน์ เช่น สินค้าขาดหรือเกินอีกต่อไป ช่วยให้การขายเป็นไปได้อย่างราบรื่น ไม่มีสะดุด   

การนับสต๊อกสินค้า มีกี่ประเภท

การนับสต๊อกหลายรูปแบบให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมของธุรกิจ มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้าง ดังนี้  

1. นับสต๊อกสินค้าแบบ Cycle Count

เริ่มต้นกันที่การนับสต๊อกแบบ Cycle Count เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับร้านค้าขนาดเล็กถึงขนาดกลางที่มีจำนวน SKU ไม่มากนัก โดยจะแบ่งเป็นโซนหรือหมวดหมู่ และมีการกำหนดรอบการนับที่แน่นอน เช่น สัปดาห์นี้นับสินค้าหมวด A สัปดาห์หน้านับหมวด B สลับหมุนเวียนไปเรื่อย ๆ จนครบทุกหมวดหมู่ ซึ่งการนับแบบนี้จะช่วยกระจายภาระงานให้จัดการได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องหยุดการดำเนินงานทั้งคลัง   

2. นับสต๊อกสินค้าแบบ Check Move

แบบที่สอง การนับสต๊อกแบบ Check Move เป็นวิธีที่เน้นการตรวจสอบการเคลื่อนไหวของสินค้าในคลัง เพื่อวิเคราะห์ว่าสินค้าชนิดใดขายดี สินค้าใดค้างสต๊อกหรือควรย้ายตำแหน่งการจัดเก็บบ้าง ทั้งนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนการจัดการสินค้าค้างสต๊อกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การจัดโปรโมชันเพื่อระบายสินค้าหรือการปรับเปลี่ยนตำแหน่งจัดเก็บให้เหมาะสมยิ่งขึ้น นอกจากนี้ วิธีนี้ยังช่วยลดต้นทุนการจัดเก็บที่ไม่จำเป็น และทำให้การบริหารพื้นที่คลังสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย   

พนักงานกำลังเช็กสต๊อกสินค้า

3. นับสต๊อกสินค้าแบบ Spot Count

อีกหนึ่งแบบ คือนับสต๊อกแบบ Spot Count เป็นการตรวจเช็กสต๊อกแบบเฉพาะจุดที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากการวางแผนปกติ มักใช้ในกรณีที่พบความผิดปกติในระบบ หรือต้องการตรวจสอบความถูกต้องของสินค้าในหมวดหมู่ใดหมวดหมู่หนึ่งเป็นพิเศษ วิธีนี้ช่วยให้สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดได้อย่างรวดเร็ว และปรับปรุงข้อมูลในระบบให้ถูกต้องตรงกับความเป็นจริงได้ ช่วยควบคุมคุณภาพและความแม่นยำของข้อมูลสินค้าคงคลัง โดยเฉพาะในกรณีที่พบความคลาดเคลื่อนระหว่างจำนวนสินค้าในระบบกับจำนวนสินค้าจริง  

4. นับสต๊อกสินค้าแบบ Tag Count

สำหรับประเภทสุดท้าย การนับสต๊อกแบบ Tag Count เป็นวิธีการดั้งเดิมที่ยังคงมีประสิทธิภาพ สำหรับธุรกิจประเภท SMEs โดยเฉพาะร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าชิ้นใหญ่ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าหรือเครื่องจักร โดยจะใช้การติด Tag กำกับสินค้าแต่ละชิ้น และให้พนักงานผลัดกันนับและตรวจสอบความถูกต้องของจำนวนสินค้าคงคลัง ก่อนนำข้อมูลเข้าสู่ระบบ วิธีนี้จะมีการตรวจสอบซ้ำหลายครั้ง จึงเหมาะกับธุรกิจที่มีจำนวน SKU ไม่มาก แต่มีมูลค่าต่อชิ้นสูง  

3 เทคนิคการนับสต๊อกสินค้า

ทำความรู้จักกับประเภทของการนับสต๊อกไปพอประมาณแล้ว ทั้งนี้ การทำแบบนี้ไม่ใช่เพียงแค่การนับจำนวนสินค้าเท่านั้น แต่จำเป็นต้องมีระบบและวิธีการจัดการที่ดี เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและแม่นยำ MyCloud มี 3 เทคนิคที่จะช่วยให้การตรวจเช็กสต๊อกของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นมาฝากกัน   

1. วางแผนการนับสต๊อกตามช่วงเวลาที่กำหนด 

เทคนิคแรกนี้ถือเป็นการบริหารจัดการสต๊อกอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการกำหนดช่วงเวลาที่แน่นอนสำหรับการตรวจนับ โดยสามารถแบ่งวิธีการนับออกได้หลายวิธี ได้แก่ 

  1. วิธีนับแบบ ABC แบ่งสินค้าตามมูลค่า โดยกลุ่ม A คือสินค้ามูลค่าสูง ควรนับบ่อยที่สุด กลุ่ม B คือสินค้ามูลค่าปานกลาง และกลุ่ม C คือสินค้ามูลค่าต่ำ ซึ่งความถี่ในการอาจน้อยครั้งกว่ากลุ่ม A 
  2. วิธีนับตามฤดูกาล เหมาะสำหรับสินค้าที่มียอดขายแตกต่างกันตามฤดูกาล โดยเพิ่มความถี่ในการนับช่วงที่สินค้านั้น ๆ มียอดขายสูง เพื่อให้แน่ใจว่ามีสินค้าเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า
  3. วิธีนับตามระบบที่กำหนด จัดการนับตามหมวดหมู่ ยี่ห้อหรือตำแหน่งการจัดเก็บอย่างเป็นระบบ ช่วยให้การนับสต๊อกเป็นไปอย่างมีระเบียบและครบถ้วน

2. ตรวจเช็กสต๊อกสินค้าบนชั้นวางให้ละเอียด 

ถึงแม้ว่าจะมีเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาช่วยตัดสต๊อกอัตโนมัติ แต่วิธี Manual ก็ยังเป็นวิธีที่ช่วยให้คุณตรวจสอบสินค้าได้อย่างละเอียดมาก และถือเป็นการรีเช็กสองต่อ เพื่อตรวจความคลาดเคลื่อนระหว่างจำนวนในระบบกับสินค้าจริง และถือเป็นขั้นตอนการ QC สินค้าด้วยเช่นกัน เนื่องจากสินค้าอาจวางผิดตำแหน่งหรือมีการชำรุดเสียหายได้  

3. ใช้ระบบ Inventory Management

ถึงแม้จะมีการเช็กสต๊อกสินค้าบนชั้นวางให้ละเอียดและเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นขั้นตอนที่ใช้เวลานานมากในการจัดการ ปัจจุบันที่ MyCloud ได้มี Inventory Management ระบบการจัดการคลังสินค้าออนไลน์ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถติดตามการเคลื่อนไหวของสินค้าแบบเรียลไทม์ได้อย่างแม่นยำ และยังสามารถอัปเดตสต๊อกได้ทุก 3 นาที ช่วยลดความผิดพลาดในการนับสต๊อก เนื่องจากทุกขั้นตอนการทำงานของเราจะใช้ระบบ Barcode ในการทำงานทุกขั้นตอน ช่วยให้ประหยัดเวลา เพิ่มความรวดเร็วและความถูกต้อง อีกทั้งยังช่วยให้การจัดการสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ Safety Stock แจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อสินค้าใกล้หมด ทำให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารจัดการสต๊อกสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ระบบ Inventory Management

สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังมองหาคลังสินค้า Fulfillment ที่มีประสิทธิภาพ MyCloud เราพร้อมช่วยคุณวางแผนเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตของธุรกิจ ช่วยจัดการสต๊อกสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เก็บในพื้นที่ที่เหมาะสม มีการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสม เพื่อคงสภาพสินค้าของคุณไว้ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด สามารถเติมสินค้าหรือนำสินค้าเข้าจัดเก็บที่คลังได้ทุกวัน รวมทั้งวันเสาร์ อาทิตย์และหยุดนักขัตฤกษ์ เพื่อให้คุณมีสินค้าในสต๊อกขายได้อย่างต่อเนื่อง (ยกเว้นช่วงแคมเปญ Double Day ก่อน – หลัง 2 วัน) เพื่อให้ทางคลังสินค้าจัดการออเดอร์ในช่วงแคมเปญได้อย่างราบรื่นด้วยเช่นกัน และยังสามารถหยิบสินค้าได้อย่างรวดเร็ว ด้วยระบบ Barcode ที่ช่วยค้นหาสินค้าอย่างแม่นยำ ร่วมกับอุปกรณ์ Handheld ขนาดเล็ก ซึ่งเป็นเครื่องมือพกพาสำหรับใช้งานในคลังสินค้าที่ทันสมัย ช่วยรองรับการขายในทุกช่วงแคมเปญได้อย่างไม่มีสะดุด สำหรับการเก็บสินค้าที่คลังของเรานั้น สามารถเก็บสินค้าแบบรายชิ้นและแบบลัง ซึ่งสินค้าที่เก็บแบบรายชิ้นนั้นจะถูกเก็บไว้ที่โซนเก็บสินค้าที่เรียกว่า Micro Rack และสินค้าแต่ละชิ้นจะถูกเก็บอย่างดีไว้ในแต่ละ Bin หรือภาชนะเก็บสินค้านั้นเอง ที่สำคัญจะแยกเก็บตาม SKU หรือรหัสของสินค้าชิ้นนั้น ๆ อย่างชัดเจนไม่มีปะปนกัน และสำหรับใครที่ต้องการเก็บคลังสินค้าแบบลังขนาดใหญ่  เราก็มีพื้นที่จัดเก็บสินค้าโซน Selective Rack ไว้ให้ด้วยเช่นกัน สินค้าขนาดใหญ่แบบลังในส่วนนี้จะใช้รถโฟลค์ลิฟท์ (Forklift) ในการหยิบสินค้าซึ่งสามารถหยิบสินค้าวางบนพาเลทได้ถึง 12 – 15 ลัง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของลังด้วยเช่นกัน ไม่ต้องกังวลว่าจะหาสินค้าไม่เจอ เพราะเรามี Barcode แปะอยู่ที่สินค้าทุกชิ้น เพียงแค่สแกนก็จะสามารถระบุ Location ของสินค้าได้ ทำให้การหยิบสินค้ามาแพ็คทำได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ

สรุปบทความ 

การนับสต๊อกสินค้าเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการสินค้าได้อย่างเป็นระบบ ลดข้อผิดพลาด และป้องกันปัญหาสินค้าขาดหรือเกิน โดยมีรูปแบบการเช็กจำนวนสต๊อกสินค้าที่หลากหลาย เช่น Cycle Count ที่ช่วยกระจายภาระงาน Check Move ที่เน้นการตรวจสอบการเคลื่อนไหวของสินค้า Spot Count สำหรับการตรวจสอบเฉพาะจุดและแบบ Tag Count ที่เหมาะกับสินค้าชิ้นใหญ่ การเลือกวิธีที่เหมาะสมจะช่วยให้การนับสต๊อกมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีเทคนิคช่วยให้นับจำนวนสต๊อกได้ง่ายขึ้น ได้แก่ การวางแผนการนับตามช่วงเวลา ตรวจเช็กสินค้าบนชั้นวางให้ละเอียดและเทคนิคที่สำคัญที่สุด คือการใช้ระบบเข้ามาช่วยจัดการอย่างระบบ Inventory Management เพื่อลดข้อผิดพลาดและเพิ่มความแม่นยำ หากคุณกำลังมองหาระบบที่ช่วยให้การจัดการสต๊อกเป็นเรื่องง่ายขึ้น MyCloud พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ช่วยที่ให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพได้ เพราะเราไม่ได้เป็นเพียงผู้ให้บริการคลังสินค้าออนไลน์แบบครบวงจรที่ครอบคลุมทั้งการเก็บ แพ็กและส่งสินค้าเท่านั้น แต่จุดแข็งของเรา คือเราใช้ระบบการจัดการคลังสินค้าและระบบจัดการออเดอร์ที่ถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้การบริหารสินค้าคงคลัง (Inventory Management) มีความเสถียรและแม่นยำสูง พร้อมอัปเดตจำนวนสินค้าในสต๊อกทุก ๆ 3 นาที นอกจากนี้ เรายังดำเนินการนับสต๊อกแบบ Cycle Count ทุก 90 วัน เพื่อเพิ่มความแม่นยำและตรวจสอบจำนวนสินค้าคงเหลือให้กับทุกร้านค้าที่ใช้บริการ

บทความที่เกี่ยวข้อง

อ่านเพิ่มเติม

WMS คืออะไร แก้ปัญหาคลังสินค้าด้วย ระบบบริหารจัดการคลังสินค้า 

ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจสูงขึ้นเรื่อยๆ การบริหารจัดการคลังสินค้าที่มีประสิทธิภาพกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ต้องรับมือกับความท้าทายในการจัดการสต็อกสินค้า การรับเข้า-จ่ายออก และการจัดส่งที่รวดเร็วตรงเวลา ระบบ WMS หรือ Warehouse Management System จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดความผิดพลาด และยกระดับการให้บริการลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น  WMS คืออะไร  Warehouse Management System หรือ WMS คือระบบซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการคลังสินค้าแบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การรับสินค้าเข้าคลัง การจัดเก็บ การควบคุมสต็อก ไปจนถึงการเบิกจ่ายและจัดส่งสินค้า ระบบนี้ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถติดตามสถานะสินค้าได้แบบเรียลไทม์ ลดความผิดพลาดในการทำงาน และช่วยให้การบริหารพื้นที่คลังสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ยังช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานผ่านการเพิ่มความแม่นยำในการจัดการสต็อกและลดการสูญเสียจากสินค้าหมดอายุหรือเสื่อมสภาพ  หลักการทำงานของระบบ Warehouse Management มีอะไรบ้าง  การทำงานของระบบ WMS แบ่งออกเป็น 3 กระบวนการหลักที่เชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ เพื่อให้การบริหารจัดการคลังสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำสูงสุด โดยแต่ละกระบวนการมีความสำคัญและบทบาทที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้  1. การรับสินค้า กระบวนการรับสินค้าถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการบริหารคลังสินค้า WMS คือระบบที่ช่วยให้การรับสินค้าเป็นไปอย่างมีระบบและแม่นยำ โดยเริ่มจากการตรวจสอบคุณภาพสินค้าเบื้องต้น (Quality Control) เปรียบเทียบกับใบสั่งซื้อสินค้า เพื่อจัดเก็บข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ เช่น […]

WMS คืออะไร แก้ปัญหาคลังสินค้าด้วย ระบบบริหารจัดการคลังสินค้า 

ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจสูงขึ้นเรื่อยๆ การบริหารจัดการคลังสินค้าที่มีประสิทธิภาพกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ต้องรับมือกับความท้าทายในการจัดการสต็อกสินค้า การรับเข้า-จ่ายออก และการจัดส่งที่รวดเร็วตรงเวลา ระบบ WMS หรือ Warehouse Management System จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดความผิดพลาด และยกระดับการให้บริการลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น  WMS คืออะไร  Warehouse Management System หรือ WMS คือระบบซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการคลังสินค้าแบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การรับสินค้าเข้าคลัง การจัดเก็บ การควบคุมสต็อก ไปจนถึงการเบิกจ่ายและจัดส่งสินค้า ระบบนี้ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถติดตามสถานะสินค้าได้แบบเรียลไทม์ ลดความผิดพลาดในการทำงาน และช่วยให้การบริหารพื้นที่คลังสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ยังช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานผ่านการเพิ่มความแม่นยำในการจัดการสต็อกและลดการสูญเสียจากสินค้าหมดอายุหรือเสื่อมสภาพ  หลักการทำงานของระบบ Warehouse Management มีอะไรบ้าง  การทำงานของระบบ WMS แบ่งออกเป็น 3 กระบวนการหลักที่เชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ เพื่อให้การบริหารจัดการคลังสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำสูงสุด โดยแต่ละกระบวนการมีความสำคัญและบทบาทที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้  1. การรับสินค้า กระบวนการรับสินค้าถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการบริหารคลังสินค้า WMS คือระบบที่ช่วยให้การรับสินค้าเป็นไปอย่างมีระบบและแม่นยำ โดยเริ่มจากการตรวจสอบคุณภาพสินค้าเบื้องต้น (Quality Control) เปรียบเทียบกับใบสั่งซื้อสินค้า เพื่อจัดเก็บข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ เช่น […]