Knowledge Center

MyCloud พาไปดูใครเป็นเจ้าแห่ง E-Commerce ในยุคนี้!!

ใครกันนะ ที่เป็นเจ้าแห่ง E-Commerce ในยุคนี้!!

          วงการ E-Commerce เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ ถ้าจะให้พูดถึงผู้นำด้านธุรกิจ E-Commerce เจ้าใหญ่ ๆ ทุกคนนึกถึงใครกันบ้างคะ แน่นอนค่ะว่าเชื่อแรก ๆ ที่คิดออกก็คงจะเป็น Amazon Alibaba eBay หรือไม่ที่คนไทยเราใช้บริการบ่อย ๆ ก็เป็น Lazada Shopee ใช่ไหมล่ะคะ วันนี้ MyCloud จะพาไปหาคำตอบว่าใครกันแน่ที่เป็นเจ้าแห่ง E-Commerce ในยุคนี้ พร้อมทั้งวิเคราะห์แนวคิด หรือวิธีการดำเนินธุรกิจของ E-Commerce เจ้าใหญ่ ๆ ทั้งหลายเพื่อเป็นไอเดีย หรือแนวทางในการดำเนินธุรกิจต่อไปค่ะ

          มาเริ่มกันที่ Alibaba ด้วยความที่เป็น platform ออนไลน์สำหรับ B2B (Business to Business) มาก่อนดังนั้นจึงรวบรวมธุรกิจหรือโรงงานในจีนที่พร้อมจะผลิตสินค้าส่งออก หรือขายบนออนไลน์เอาไว้ทั้งหมด ทำให้มีผู้ขาย และผู้ซื้อที่นำไปขายส่งหรือประกอบธุรกิจต่อเป็นจำนวนมาก Business Model ที่น่าจับตามองของ Alibaba คือ มี Online Marketplace หรือเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่หลากหลายและมุ่งเน้นไปยังกลุ่มเป้าหมาย (ผู้ขาย)ที่แตกต่างกัน แต่ Alibaba ไม่ได้รับผิดชอบในเรื่องของคลังสินค้าหรือบริการต่าง ๆ แต่เป็นเพียงแค่ Platform ที่จะทำให้ผู้ขายเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้นเท่านั้นค่ะ แนวคิดของ Alibaba สนใจเรื่อง Ecosystem มากค่ะ คือเขาต้องการให้ผู้ซื้อสามารถค้นหาสินค้า พูดคุยซื้อขายกับผู้ขาย รวมถึง ชำระเงินและขนส่งสินค้าได้ครบจบใน Platform เดียว เพื่อให้ผู้ซื้อสะดวกสบายที่สุดนั่นเองค่ะ แนวคิดในการดำเนินธุรกิจที่น่าสนใจของ Jack Ma คือ การให้ความสำคัญกับคนในองค์กรค่ะ เห็นได้จาก Alibaba ที่มีวัฒนธรรมองค์กรที่เกื้อหนุนพนักงาน เพราะมีแนวคิดที่ว่า “กำไร” ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของการดำเนินธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่บุคคลากรในองค์กรก็เป็นตัวแปรสำคัญมากด้วยค่ะที่จะทำให้ธุรกิจบรรลุเป้าหมาย ซึ่งจุดนี้น่าสนใจมากค่ะ

          ในขณะที่ Amazon เริ่มต้นด้วยแนวคิดที่อยากจะตัดข้อจำกัดของการขายออฟไลน์ มีการดำเนินธุรกิจเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง และยังมุ่งมั่นพัฒนาบริการที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ที่คิดว่าจะเป็นเทรนด์หรือนิยมในอนาคต ทำให้มีหลาย ๆ ธุรกิจหรือบริการในเครือ Amazon เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย โดยแนวคิดในการดำเนินธุรกิจของ Jeff Bezos เจ้าของ Amazon คือ “การมองเห็นแนวทางไปต่อ” อยู่เสมอค่ะ ดูได้จาก หาก Amazon กำลังสนใจหรือศึกษาเรื่องใดอยู่ รับรองว่าเราได้เห็นสิ่งใหม่ ๆ นั้นที่เขาจะพัฒนาออกมาแน่นอน โดยแนวคิดนี้น่าสนใจมากตรงที่ ในตอนแรกที่เริ่มทำแม้ว่าเราจะไม่มีทักษะหรือความรู้มากพอระดับเชี่ยวชาญ แต่เราต้องมีความอดทน อดกบั้นและเรียนรู้สิ่งนั้น ๆ อย่างจริงจัง เพราะบางครั้งการทำธุรกิจ หรืองานต่าง ๆ ให้ประสบความสำเร็จก้ไม่ได้อาศัยแค่ความสามารถค่ะ แต่ต้องใช้เวลาด้วย อย่าลืมนะคะ “ Good things take time”

          จากข้อมูลที่เรารวบรวมมาทั้งหมดก็พอจะอธิบายความยิ่งใหญ่ และเหตุผลที่ทำให้ธุรกิจเหล่านี้ประสบความสำเร็จระดับโลกได้ แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะตัดสินได้ว่าใครยิ่งใหญ่ที่สุดค่ะ เพราะมีเกณฑ์การตัดสินมากมาย อาทิเช่น มูลค่าทางการตลาด รายได้และกำไรในปีต่าง ๆ ที่ไม่มีใครน้อยหน้าไปกว่าใครเลยค่ะ แต่อย่างไรก็ตามความโดดเด่นที่ทำให้ทั้งสอง Platform หลักนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิงก็คือ Alibaba จะสามารถแชร์หรือเชื่อมต่อกับข้อมุล ที่มีความสำคัญมากในปัจจุบัน กับแบรนด์หรือผู้ใช้เพื่อนำไปต่อยอดต่อไปได้ ใขณะที่ Amazon ไม่ให้ข้อมูลตรงนี้ค่ะ

          สำหรับเจ้าแห่ง E-Commerce ในไทย อาจไม่ใช่ 2 ยักษ์ใหญ่ข้างต้นค่ะ เพราะคนไทยคุ้นชินกับการเลือกซื้อสินค้าจาก Shopee และ Lazada มากกว่าใช่ไหมล่ะคะเรามาดูจุดแข็งของในแต่ละ Platform กันดีกว่าค่ะ

          LAZADA จุดแข็งที่สุดของ Platform นี้คือมีจำนวนผู้ใช้มาก ทำให้ผู้ใช้งานเชื่อถือ และใช้งานเพราะต้องการให้สินค้ามีผู้พบเห้นมากขึ้น โดยถือว่า LAZADA เป็นอาวุธที่สำคัญของ Alibaba ที่จะใช้สู้ในสงคราม E-Commerce ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในไทยเลยก็ว่าได้ค่ะ ดังนั้นแนวทางการดำเนินธุรกิจจะคล้าย ๆ กันค่ะนั่นก็คือ การพยายามทำให้การซื้อขาย ไร้รอยต่อมุ่งเน้นเพื่อสร้างประสบการณ์การซื้อขายที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ซื้อ และผู้ขาย แต่อย่างไรก็ตามหากได้ขายใน Lazada ก็คงจะทราบกันดีค่ะว่า มีการเรียกเก็บรายได้จากผู้วางขาย ตามประเภทของสินค้า ทำให้ไม่แปลกเลยค่ะที่จะเห็นสินค้าชนิดเดียวกัน แต่มีราคาสูงกว่าอีก platform เพราะผู้ขายอาจบวกต้นทุนที่ต้องเสียให้กับ Lazada เข้าไปค่ะ

          ในส่วนของ Shopee ซึ่งก็เห็นโอกาสในการเติบโตของ E-Commerce อย่างมากเช่นกันจึงพยายาม ทำให้ Platform ของตนเองโดนเด่นและแตกต่างอยู่เสมอ ยิ่งไปกว่านั้น Shopee เล็งเห็นความสำคัญของจำนวนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ จึงพัฒนาให้ Shopee เป้น Mobile Friendly มากที่สุดเพื่อตอบสนองลักษณะการใช้งานของผู้บริโภค นอกจากนี้ยังมีการใช้พรีเซนเตอร์ที่มีชื่อเสียงมาก มาโปรโมทให้เข้าถึงผู้ใช้ หรือสร้างภาพจำต่าง ๆ ได้มากขึ้นอีกด้วยค่ะ เนื่องจากการให้ความสำคัญกับผู้ใช้งานเป็นหลัก ทำให้ Shopee พยายามสร้าง Customer Journey ให้ครบจบในแอพเดียว โดยเพิ่มให้ การชำระเงิน หรือแม้แต่ติดตามสถานะสินค้าเข้าไปเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคมากที่สุดนั่นเองค่ะ  

           นอกจากนี้มีอีกหลาย ๆ เว็บไซต์ E-Commerce ที่มาแรง และน่าจับตามองในปีที่ผ่านมานี้ ที่เฉพาะเจาะจงแต่ละประเภทสินค้าก็มีค่ะ แต่อย่างไรก็ตามเจ้าตลาด E-Commerce ในไทยก็คงเป็น สองแพลตฟอร์มนี้

           สำหรับผู้ที่สนใจใน Platform อีคอมเมิร์ซต่าง ๆ เหล่านี้ สามารถเข้าไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ทำความเข้าใจทุก platform การขาย ช่องทางไหนเวิร์คสุด? เพราะนอกจากเจ้าดัง ๆ ที่กล่าวมาแล้วยังมีอีกหลาย Platform ที่เริ่มมีการลงทุนในวงการ E-Commerce รวมไปถึง Platform น้องใหม่อย่าง TikTok ด้วยค่ะ และสุดท้ายนี้หวังว่าแนวคิดในการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ รวมไปถึงจุดเด่น จุดด้อยของบริษัททที่ประสบความสำเร็จระดับโลกไม่ว่าจะเป็น Amazon, Alibaba, Lazada หรือ Shopee จะเป็นแนวทาง หรือจุดประกายการดำเนินธุรกิจของทุก ๆ ธุรกิจได้ต่อไปนะคะ แล้วในครั้งหน้าจะมีประเด็นไหนที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์กับธุรกิจออนไลน์อีก เราจะนำมาฝากกันใหม่นะคะ เพราะ MyCloudFulfillment สนับสนุนการทำธุรกิจให้เติบดตอย่างยั่งยืน และพร้อมเป้นพาร์ทเนอร์กับผู้ขายออนไลน์ทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นรายเล็ก หรือใหญ่ค่ะ

บทความที่เกี่ยวข้อง

อ่านเพิ่มเติม

ทำไมใช้ seller center แล้วต้องใช้บริการ MyCloudFulfillment?

ทำไมใช้ seller center แล้วต้องใช้ MyCloudFulfillment?                   ใช้งาน seller center ขายของบน Marketplace อย่าง Lazada และ Shopee ผู้ขายเคยประสบปัญหาแบบนี้กันไหมคะ? ต้องจัดการหน้าร้านค้า แชทลูกค้าก็ต้องตอบ คะแนนร้านค้ายิ่งต้องรักษา เพื่อโอกาสร่วมแคมเปญต่าง ๆ อีกทั้งเมื่อมีออเดอร์เข้ามามากขึ้น ก็ต้อง แพ็ค และส่งให้ทันระยะเวลา SLA อีก ทำทั้งหมดนี้ด้วยตัวเองไหวไหมคะ? หากไม่ไหว และกำลังมองหาตัวช่วย MyCloud คือผู้ให้บริการ Fulfillment ที่จะตอบทุกโจทย์ธุรกิจออนไลน์ของคุณค่ะ เพราะการขายของผ่านระบบ Seller Center ก็ต้องจัดการหลังบ้านอย่างเป็นระบบด้วยเช่นกัน เรามาทำความรู้จักบริการ Fulfillment ที่เกิดมาเพื่อช่วยหลังบ้านธุรกิจ E-Commerce อย่างมืออาชีพโดยเฉพาะผู้ขายที่ใช้งาน seller center ผ่าน Lazada หรือ […]

Late Shipment Rate คืออะไร มีความสำคัญอย่างไรต่อการขายของออนไลน์ 

“สินค้าจะมาถึงเมื่อไหร่คะ?” “ทำไมส่งช้าจัง” “ขอยกเลิกออเดอร์ดีกว่า” คำบ่นเหล่านี้คงเป็นฝันร้ายของผู้ขายออนไลน์หลายคน ยิ่งในยุคที่ลูกค้าต้องการความรวดเร็ว การจัดส่งล่าช้าเพียงไม่กี่ออเดอร์ก็อาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของร้านค้าได้ Late Shipment Rate จึงเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ผู้ขายออนไลน์ต้องจับตามอง เพราะไม่เพียงกระทบต่อความพึงพอใจของลูกค้า แต่ยังส่งผลต่อยอดขายและการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว มาทำความรู้จักกับอัตราการจัดส่งสินค้าล่าช้าให้มากขึ้น ในบทความนี้กัน Late Shipment Rate คืออะไร  Late Shipment Rate หรือ LSR คือเกณฑ์กำหนดบน Shopee ที่แสดงถึงจำนวนออเดอร์ที่มีการจัดส่งล่าช้า เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนออเดอร์ทั้งหมดในช่วงเวลาที่กำหนด โดยทั่วไปจะวัดผลในช่วง 7 วันย้อนหลัง ซึ่งการจัดส่งล่าช้าในที่นี้ หมายถึงการที่ผู้ขายไม่สามารถจัดส่งสินค้าได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด (Delivery Time Standard หรือ DTS) ซึ่งแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่าง ๆ จะมีการกำหนดเกณฑ์มาตรฐานเพื่อควบคุมคุณภาพการให้บริการและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับระบบ  อัตราการจัดส่งสินค้าล่าช้า มีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง  สาเหตุของการ Late Shipment Rate มักเกิดจากหลายปัจจัยที่สำคัญ ได้แก่ วิธีการคำนวณอัตรา Late Shipment Rate  Late Shipment Rate […]

ทำไมใช้ seller center แล้วต้องใช้บริการ MyCloudFulfillment?

ทำไมใช้ seller center แล้วต้องใช้ MyCloudFulfillment?                   ใช้งาน seller center ขายของบน Marketplace อย่าง Lazada และ Shopee ผู้ขายเคยประสบปัญหาแบบนี้กันไหมคะ? ต้องจัดการหน้าร้านค้า แชทลูกค้าก็ต้องตอบ คะแนนร้านค้ายิ่งต้องรักษา เพื่อโอกาสร่วมแคมเปญต่าง ๆ อีกทั้งเมื่อมีออเดอร์เข้ามามากขึ้น ก็ต้อง แพ็ค และส่งให้ทันระยะเวลา SLA อีก ทำทั้งหมดนี้ด้วยตัวเองไหวไหมคะ? หากไม่ไหว และกำลังมองหาตัวช่วย MyCloud คือผู้ให้บริการ Fulfillment ที่จะตอบทุกโจทย์ธุรกิจออนไลน์ของคุณค่ะ เพราะการขายของผ่านระบบ Seller Center ก็ต้องจัดการหลังบ้านอย่างเป็นระบบด้วยเช่นกัน เรามาทำความรู้จักบริการ Fulfillment ที่เกิดมาเพื่อช่วยหลังบ้านธุรกิจ E-Commerce อย่างมืออาชีพโดยเฉพาะผู้ขายที่ใช้งาน seller center ผ่าน Lazada หรือ […]

Late Shipment Rate คืออะไร มีความสำคัญอย่างไรต่อการขายของออนไลน์ 

“สินค้าจะมาถึงเมื่อไหร่คะ?” “ทำไมส่งช้าจัง” “ขอยกเลิกออเดอร์ดีกว่า” คำบ่นเหล่านี้คงเป็นฝันร้ายของผู้ขายออนไลน์หลายคน ยิ่งในยุคที่ลูกค้าต้องการความรวดเร็ว การจัดส่งล่าช้าเพียงไม่กี่ออเดอร์ก็อาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของร้านค้าได้ Late Shipment Rate จึงเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ผู้ขายออนไลน์ต้องจับตามอง เพราะไม่เพียงกระทบต่อความพึงพอใจของลูกค้า แต่ยังส่งผลต่อยอดขายและการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว มาทำความรู้จักกับอัตราการจัดส่งสินค้าล่าช้าให้มากขึ้น ในบทความนี้กัน Late Shipment Rate คืออะไร  Late Shipment Rate หรือ LSR คือเกณฑ์กำหนดบน Shopee ที่แสดงถึงจำนวนออเดอร์ที่มีการจัดส่งล่าช้า เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนออเดอร์ทั้งหมดในช่วงเวลาที่กำหนด โดยทั่วไปจะวัดผลในช่วง 7 วันย้อนหลัง ซึ่งการจัดส่งล่าช้าในที่นี้ หมายถึงการที่ผู้ขายไม่สามารถจัดส่งสินค้าได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด (Delivery Time Standard หรือ DTS) ซึ่งแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่าง ๆ จะมีการกำหนดเกณฑ์มาตรฐานเพื่อควบคุมคุณภาพการให้บริการและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับระบบ  อัตราการจัดส่งสินค้าล่าช้า มีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง  สาเหตุของการ Late Shipment Rate มักเกิดจากหลายปัจจัยที่สำคัญ ได้แก่ วิธีการคำนวณอัตรา Late Shipment Rate  Late Shipment Rate […]