Knowledge Center

Omni Channel คืออะไร ช่วยเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจในยุค Disruption ?

Omni Channel คืออะไร ช่วยเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจเติบโตในยุค Disruption ?

ความพึงพอใจและประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าถือเป็นเป้าหมายสำคัญของธุรกิจ ดังนั้นผู้ประกอบการจึงต้องงัดเอากลยุทธ์ต่าง ๆ มาเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า และหัวใจสำคัญที่อยู่ในทุกขั้นตอนของการขาย ตั้งแต่เริ่มต้นทำความรู้จักลูกค้า เพื่อให้ลูกค้ารับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ ไปจนถึงการบริการหลังการขายนั่นก็คือ การติดต่อสื่อสาร ซึ่งในปัจจุบันผู้บริโภคคาดหวังการให้บริการแบบเรียลไทม์ ผ่านช่องทางที่หลากหลาย 

ดังนั้นการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าทั้งออนไลน์ และการขายหน้าร้าน หรือที่เรียกว่าออฟไลน์นั้น จึงมีความสำคัญไม่แพ้กัน นี่จึงทำให้เกิดการตลาดแบบผสมผสานที่เรียกว่า Omni Channel Marketing ที่เป็นการผสมผสานทั้งสองช่องทางในการสื่อสารกับลูกค้า เพื่อให้เกิดการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการบันทึกข้อมูลลูกค้าไว้ที่ระบบกลางเพื่อเพิ่มโอกาสทางการขายต่อไป

แล้ว Omni Channel คืออะไร?

Omni มาจากรากศัพท์ลาตินว่า Omnibus ซึ่งหมายถึง For All หรือ ทั้งหมด ในแง่ของ E-commerce คำว่า “Omni Channel” คือ ช่องทางการสื่อสารและบริการลูกค้าที่หลากหลายและเชื่อมโยงกันให้เป็นหนึ่งเดียวทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ ซึ่งช่วยในการเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้าทั้งหมดเอาไว้ เพื่อทำให้การเข้าถึงข้อมูลลูกค้าเป็นไปได้ง่ายและรวดเร็ว เช่น ลูกค้าคือใครและสนใจสินค้าประเภทไหน ซึ่งปัจจุบันช่องทางการสื่อสารออนไลน์ที่เป็นที่นิยม ได้แก่ Email Direct Marketing, Website, Social Media, และ Programmatic Display ส่วนช่องทางออฟไลน์ก็คือร้านค้าที่เห็นกันได้ทั่วไปนั่นเอง

Omni Channel ช่วยร้านค้าอย่างไร?

Omni Channel เป็นประโยชน์อย่างมากต่อธุรกิจในปัจจุบัน ซึ่งการเพิ่มช่องทางในการประชาสัมพันธ์เพื่อดึงดูดลูกค้า (Engage) นั้น ยิ่งมีช่องทางในการให้ข้อมูลของตัวสินค้ามากเท่าไหร่ โอกาสในการขายก็มีมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นความสะดวกในการเปรียบเทียบราคาสินค้าและโปรโมชั่นในแต่ละช่องทาง รวมถึงการรีวิวจากลูกค้าที่ซื้อก่อนหน้าจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แก่ร้านค้า ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้น และหลาย ๆ ช่องทางที่ผู้ประกอบการใช้ก็จะช่วยกระตุ้นพฤติกรรมการซื้อได้มากยิ่งขึ้น

Omni Channel ดีต่อผู้บริโภคอย่างไร?

ด้านผู้บริโภคเองก็สามารถเลือกติดต่อผ่านช่องทางที่ตนเองสะดวก เช่น บางคนอาจจะลังเลเมื่ออยู่หน้าร้าน ยังตัดสินใจไม่ได้ หรือต้องการหาข้อมูลของสินค้านั้น ๆ ก็สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ และสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้เลยส่วนช่องทางการชำระเงินก็มีให้เลือกหลากหลายไม่ว่าจะเป็น การรับชำระเงินปลายทาง บัตรเครดิต/เดบิต Internet Banking เคาน์เตอร์เซอร์วิส หรือ Application ต่าง ๆ และช่องทางการรับสินค้าที่มีให้เลือกหลายช่องทางเพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด เช่น จะไปรับสินค้าที่สาขาหน้าร้าน หรือส่งถึงหน้าบ้านก็ทำได้เช่นกัน

ตัวอย่างของการทำการตลาดแบบ Omni Channel

ยกตัวอย่างเช่น มีลูกค้าที่ต้องการซื้อนาฬิกา แต่ไม่มั่นใจในเรื่องของวัสดุที่ทำ และยังไม่แน่ใจว่าจะเข้ากับตัวเองไหม จึงอยากไปดูของจริงก่อน ลูกค้าจึงติดต่อร้านผ่านทางเฟสบุ๊คแฟนเพจ เพื่อถามว่านาฬิการุ่นนี้มีขายที่สาขาใกล้บ้านไหม จากนั้นทางแอดมินเพจจึงทำการเช็คสต๊อกสินค้า โดยการสอบถามไปยังสาขานั้น ๆ ว่ามีนาฬิกาตามที่ลูกค้าต้องการหรือไม่ โดยได้ให้ข้อมูลเบื้องต้นของลูกค้าไป เช่น ชื่อลูกค้า และนาฬิการุ่นที่ลูกค้าต้องการไปลอง

เมื่อลูกค้าไปถึงสาขานั้นเพียงแค่บอกชื่อกับพนักงาน ก็จะมีพนักงานที่รับเรื่องไว้เข้ามาดูแลและให้คำแนะนำเกี่ยวกับนาฬิกาแบบที่ลูกค้าต้องการ แต่ว่าลูกค้าก็ยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อเดี๋ยวนั้น เพราะอยากหาข้อมูลเพิ่มเติมและรุ่นอื่น ๆ ที่ใกล้เคียง ทางร้านจึงแนะนำโปรโมชั่นให้ลูกค้าเพิ่มเพื่อนใน Line Official Account เพื่อที่จะได้รับคูปองส่วนลดและติดตามข่าวสารของร้านค้า และสามารถใช้คูปองได้กับทุกสาขาและทุกช่องทางการสั่งซื้อ จากนั้นเมื่อลูกค้าตัดสินใจได้แล้วว่าจะซื้อ จึงติดต่อและชำระเงินผ่านช่องทาง Line ในที่สุด

จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า ลูกค้าคนนี้ได้ใช้ช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ในการดูรายละเอียดข้อมูลของสินค้า และสอบถามพูดคุยกับทางร้าน จนถึงไปลองดูของจริงกับทางหน้าร้าน ซึ่งทางร้านก็มีการประสานงานกันของแต่ละสาขา และเชื่อมโยงของข้อมูลลูกค้าจากออนไลน์ไปยังออฟไลน์หรือหน้าร้าน ทำให้การบริการไม่มีสะดุด สามารถสร้างความพอใจให้กับลูกค้าจนตัดสินใจซื้อได้ ซึ่งการที่เรามีช่องทางที่ลูกค้าสามารถเข้ามาดูข้อมูลได้หลากหลายด้วยการทำการตลาดแบบ Omni Channel นั้นเป็นเรื่องที่ดีต่อภาพลักษณ์ของร้านค้าอีกด้วย

แล้วการ Retarget เกิดขึ้นตอนไหน? ยังไง?

ในการซื้อขายจริง เมื่อลูกค้าเพิ่มเพื่อนในไลน์แล้ว ก็ใช่ว่าจะตัดสินใจซื้อทุกคน ผู้ขายก็สามารถนำข้อมูลของลูกค้าไป Retarget เพื่อเป็นการย้ำความสนใจโดยส่ง Ads หรือ โปรโมชั่นต่าง ๆ ไปยังลูกค้าหรือผู้ที่มีความสนใจ ซึ่งเราเรียกกันว่า กลุ่มเป้าหมาย ซึ่งกลยุทธ์นี้อาจจะทำให้กลุ่มเป้าหมายกลายมาเป็นลูกค้าของเราในภายหลัง โดยเมื่อผู้ขายได้ลูกค้ามาแล้ว สิ่งที่ควรทำหลังจากนั้นคือติดตามผลว่าลูกค้าชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไรในการบริการ เพื่อนำไปปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงแก้ไขในจุดที่บกพร่องของร้านค้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างความพึงพอใจของลูกค้าที่อาจจะทำให้เกิดการ ซื้อซ้ำ (Replete Order) และนำไปสู่การแนะนำบอกต่อได้อีกด้วย

Omni Channel แนวทางการทำการตลาดที่สร้างโอกาสทางการค้าใหม่ ๆ ของผู้ประกอบการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยให้ธุรกิจออนไลน์ และออฟไลน์อยู่รอดในยุค Digital Disruption นี้ได้

MyCloudFulfillment เชื่อเสมอว่า ใคร ๆ ก็สามารถขายของ และจัดการร้านค้าได้ง่าย ๆ หากคุณมีความฝันที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ก็ขอให้เชื่อมั่นและลงมือทำ เพราะเราพร้อมช่วยเหลือ และ แก้ปัญหาหลังบ้าน ไม่ว่าจะเป็น การเก็บ แพ็ค ส่งสินค้าที่ยุ่งยาก เราหาดีลที่คุ้มค่าและเหมาะสมที่สุดให้คุณ ไม่ว่าธุรกิจคุณจะขนาดเล็กหรือใหญ่ เราเป็นเสมือนหุ้นส่วนที่จะร่วมเดินทางเพื่อสานฝันอันยิ่งใหญ่ของคุณให้เป็นจริงได้

สนใจศึกษาและลงทะเบียนได้ที่ www.mycloudfulfillment.com
หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร: 092-472-7742, 02-138-9920
อีเมล: [email protected]
line: @mycloudgroup
MyCloudFulfillment ขายของง่ายไม่ต้องแตะสต๊อก
บริการคลังสินค้าออนไลน์ เก็บ แพ็ค ส่ง ครบวงจร 

บทความที่เกี่ยวข้อง

อ่านเพิ่มเติม

Shopping ใน 15 วินาทีกับสถิติ Tiktok Shop

Shopping ใน 15 วินาทีกับสถิติ Tiktok Shop           Shopping ง่ายๆ กับ Tiktok ใน 15 วินาทีเป็นเหตุผลให้คนตัดสินใจซื้อได้เร็วขึ้น? และ TikTok Shop ที่กำลังเติบโตไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แพลตฟอร์มนี้จะเป็นมากกว่าแค่ให้ความบันเทิงหรือไม่? จะโดดเด่นในตลาด E-Commerce แค่ไหน? MyCloud มีสถิติ และ case study ของร้านค้าที่น่าจับตามองบน Tiktok มาฝากกันค่ะ            หลังจากที่ MyCloud เคยแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับฟังก์ชันใหม่ “Tiktok Shop” นี้มาแล้ว วันนี้เรามีธุรกิจ E-Commerce ที่โดดเด่นบน Tiktok ที่นำมาเสนอ นั่นคือร้าน เสื้อผ้าแมว และสัตว์เลี้ยงจากอินโดนีเซียเพื่อนบ้านของไทยเราค่ะ คุณ “Fredi” […]

เจาะลึก ส่งฟรีขั้นต่ำ 99 บาท จาก Shopee ผู้ขายควรเข้าร่วมหรือไม่?

โปรแกรม ส่งฟรีขั้นต่ำ 99 บาท จาก Shopee  นักช็อปเคยสงสัยไหม ทำไมขึ้นว่าส่งฟรี แต่ยังต้องออกค่าส่ง? ผู้ขายต้องรับผิดชอบค่าส่งเองหรือเปล่า? วันนี้ MyCloud มีคำตอบให้ทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับโปรแกรมส่งฟรีขั้นต่ำ 99 บาท จาก Shopee เพื่อให้ผู้ขายได้ทำความรู้จักข้อดี ข้อเสียของโปรแกรม และตัดสินใจเข้าร่วมโปรแกรมได้ต่อไป สำหรับโปรแกรมส่งฟรีนั้น Shopee จะสนับสนุนค่าส่งฟรี ให้กับลูกค้าที่ใช้โค้ดส่วนลด กับร้านค้าที่เข้าร่วมโปรแกรมส่งฟรีขั้นต่ำ 99 บาทสูงสุดจำนวน 40 บาทต่อออเดอร์ ซึ่งในกรณีที่สินค้าของคุณมีน้ำหนักเบาค่าส่งไม่เกิน 40 บาท ก็จะได้ส่งฟรี 100% ไปเลยค่ะ แต่ถ้าหากสินค้าหนัก หรือมีขนาดใหญ่ก็จะต้องออกค่าส่วนต่างเอง ซึ่งในส่วนนี้ค่าจัดส่งส่วนต่างจะถูกคิดไปกับจำนวนเงินที่ผู้ซื้อต้องชำระนั่นเอง ดังนั้นหายสงสัยกันได้แล้วนะคะว่าทำไมชื่อส่งฟรี แล้วไม่ฟรี!! ผู้ซื้อถูกใจ ผู้ขายได้ประโยชน์  สำหรับผู้ซื้อจะได้สินค้าจากร้านที่เ้ขาร่วมโปรแกรม ทำให้ประหยัดค่าส่ง ซึ่งสินค้าจากร้านค้าที่เข้าร่วมโปรแกรมส่งฟรีจะมีแถบของตัวเองโดยเฉพาะ ทำให้ผู้ซื้อเข้าไปเลือกซื้อได้สะดวกมากขึ้น ส่วนร้านค้าที่เข้าร่วมโปรแกรม ส่งฟรีขั้นต่ำ 99 บาท จะได้รับสิทธิพิเศษดังต่อไปนี้ 1. เพิ่มโอกาสในการเพิ่มยอดขาย และสินค้าที่พบเห็นจากลูกค้าได้มากขึ้น 2. สำหรับร้านค้าที่ซื้อโฆษณา […]

Shopping ใน 15 วินาทีกับสถิติ Tiktok Shop

Shopping ใน 15 วินาทีกับสถิติ Tiktok Shop           Shopping ง่ายๆ กับ Tiktok ใน 15 วินาทีเป็นเหตุผลให้คนตัดสินใจซื้อได้เร็วขึ้น? และ TikTok Shop ที่กำลังเติบโตไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แพลตฟอร์มนี้จะเป็นมากกว่าแค่ให้ความบันเทิงหรือไม่? จะโดดเด่นในตลาด E-Commerce แค่ไหน? MyCloud มีสถิติ และ case study ของร้านค้าที่น่าจับตามองบน Tiktok มาฝากกันค่ะ            หลังจากที่ MyCloud เคยแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับฟังก์ชันใหม่ “Tiktok Shop” นี้มาแล้ว วันนี้เรามีธุรกิจ E-Commerce ที่โดดเด่นบน Tiktok ที่นำมาเสนอ นั่นคือร้าน เสื้อผ้าแมว และสัตว์เลี้ยงจากอินโดนีเซียเพื่อนบ้านของไทยเราค่ะ คุณ “Fredi” […]

เจาะลึก ส่งฟรีขั้นต่ำ 99 บาท จาก Shopee ผู้ขายควรเข้าร่วมหรือไม่?

โปรแกรม ส่งฟรีขั้นต่ำ 99 บาท จาก Shopee  นักช็อปเคยสงสัยไหม ทำไมขึ้นว่าส่งฟรี แต่ยังต้องออกค่าส่ง? ผู้ขายต้องรับผิดชอบค่าส่งเองหรือเปล่า? วันนี้ MyCloud มีคำตอบให้ทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับโปรแกรมส่งฟรีขั้นต่ำ 99 บาท จาก Shopee เพื่อให้ผู้ขายได้ทำความรู้จักข้อดี ข้อเสียของโปรแกรม และตัดสินใจเข้าร่วมโปรแกรมได้ต่อไป สำหรับโปรแกรมส่งฟรีนั้น Shopee จะสนับสนุนค่าส่งฟรี ให้กับลูกค้าที่ใช้โค้ดส่วนลด กับร้านค้าที่เข้าร่วมโปรแกรมส่งฟรีขั้นต่ำ 99 บาทสูงสุดจำนวน 40 บาทต่อออเดอร์ ซึ่งในกรณีที่สินค้าของคุณมีน้ำหนักเบาค่าส่งไม่เกิน 40 บาท ก็จะได้ส่งฟรี 100% ไปเลยค่ะ แต่ถ้าหากสินค้าหนัก หรือมีขนาดใหญ่ก็จะต้องออกค่าส่วนต่างเอง ซึ่งในส่วนนี้ค่าจัดส่งส่วนต่างจะถูกคิดไปกับจำนวนเงินที่ผู้ซื้อต้องชำระนั่นเอง ดังนั้นหายสงสัยกันได้แล้วนะคะว่าทำไมชื่อส่งฟรี แล้วไม่ฟรี!! ผู้ซื้อถูกใจ ผู้ขายได้ประโยชน์  สำหรับผู้ซื้อจะได้สินค้าจากร้านที่เ้ขาร่วมโปรแกรม ทำให้ประหยัดค่าส่ง ซึ่งสินค้าจากร้านค้าที่เข้าร่วมโปรแกรมส่งฟรีจะมีแถบของตัวเองโดยเฉพาะ ทำให้ผู้ซื้อเข้าไปเลือกซื้อได้สะดวกมากขึ้น ส่วนร้านค้าที่เข้าร่วมโปรแกรม ส่งฟรีขั้นต่ำ 99 บาท จะได้รับสิทธิพิเศษดังต่อไปนี้ 1. เพิ่มโอกาสในการเพิ่มยอดขาย และสินค้าที่พบเห็นจากลูกค้าได้มากขึ้น 2. สำหรับร้านค้าที่ซื้อโฆษณา […]