Knowledge Center

รู้จัก Red Ocean คืออะไร ต่างจาก Blue Ocean อย่างไรบ้าง

Red Ocean และ Blue Ocean คืออะไร

          สงสัยกันไหมคะว่า Red Ocean และ Blue Ocean Strategy นั้นคืออะไร? แม้ว่าจะเคยได้ยินกันบ่อย ๆ แต่ก็ดูเป็นเรื่องไกลตัวใช่ไหมล่ะคะ สักทีวันนี้ MyCloud จะพาผู้อ่านทุกคนไปรู้จักกับ กลยุทธ์ Red Ocean และ Blue Ocean รวมถึงมองภาพรวมทั้งสองกลยุทธ์บนตลาดออนไลน์ของไทย อย่าง Marketplace ชื่อดังอย่าง Lazada และ Shopee รวมถึงช่องทางการขายออนไลน์อื่น ๆ อีกด้วย 

Red Ocean Strategy (กลยุทธ์น่านน้ำสีแดง) คืออะไร 

Red Ocean Strategy คือคำนิยามของกลยุทธ์ทางการตลาดที่เข้มข้น เปรียบเสมือนกับสีแดง เนื่องมาจากการแข่งขันทางการตลาดสูง และมีคู่แข่งที่มีธุรกิจลักษณะคล้ายกันจำนวนมาก ไม่โดดเด่น ทำให้ต้องแข่งขันกันที่ด้านอื่น ๆ เพื่อดึงดูดผู้บริโภค โดยมักจะแข่งขันกันจนเป็นสงครามราคา หรือการทำโปรโมชันลดราคา เพื่อเอาชนะคู่แข่ง จาก Kim & Mauborgne ที่เป็นคนเดียวกับผู้ริเริ่มแนวคิด Blue Ocean Strategy โดยเป้าหมายหลักของกลยุทธ์ทางการตลาดแบบ Red Ocean คือการเอาชนะคู่แข่งทางการตลาดคนอื่น ๆ และใช้ประโยชน์จากความต้องการของผู้บริโภค (Demand) ที่มีมากอยู่แล้วในตลาดนั้น ๆ 

          แพลตฟอร์มหรือตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ที่มีกลยุทธ์แบบ Red Ocean จะเป็นพื้นที่ตลาดที่มีอยู่แล้ว จึงมักจะมีกฎระเบียบ แบบแผน หรือข้อกำหนดต่าง ๆ รวมถึงมีผู้เล่นหลัก ๆ หรือที่เราเรียกอีกชื่อว่า “เจ้าตลาด” อยู่แล้ว

Red Ocean

Blue Ocean Strategy (กลยุทธ์น่านน้ำสีน้ำเงิน) คืออะไร 

กลยุทธ์ทางการตลาดแบบ Blue Ocean Strategy คือพื้นที่การแข่งขันของแต่ละแบรนด์ผ่านการพัฒนาธุรกิจของตัวเอง เพราะฉะนั้น การแข่งขันในตลาดนี้จึงไม่ใช่การแข่งขันที่เข้มข้นอีกต่อไป แต่เป็นการท้าทายคนทำธุรกิจด้วยการสร้างความต้องการของลูกค้าขึ้นมาใหม่ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือบริการที่คิดว่าลูกค้าต้องการ หรือต้องใช้อย่างแน่นอน ดังนั้นจึงต้องมีการสำรวจตลาด เรียนรู้พฤติกรรมของลูกค้า กำหนดราคาที่รอบคอบ นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าจะสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืนกว่า เนื่องจากสินค้าและบริการไม่ใช่ของที่ลอกเลียนแบบ หรือสร้างขึ้นมาเพื่อเอาชนะคู่แข่ง แต่เป็นสิ่งที่คิดขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าธุรกิจโดยเฉพาะ ดังนั้นการแสวงหาตลาด หรือความต้องการใหม่ ๆ จึงเป็นหลักการของ Blue Ocean นั่นเอง 

ธุรกิจไหนบ้างที่ใช้กลยุทธ์ Red Ocean และ Blue Ocean บ้าง 

ทีนี้มาดูกันดีกว่าว่าแล้วมีธุรกิจไหนบ้างที่ใช้กลยุทธ์น่านน้ำสีแดง (Red Ocean Strategy) และกลยุทธ์น่านน้ำสีน้ำเงิน (Blue Ocean Strategy) อย่าง Netflix ที่เริ่มต้นจากการเป็นผู้ให้เช่าวิดีโอ โดยเฉพาะในตอนนั้นที่มีคู่แข่งที่อยู่มานานอย่าง Blockbuster แน่นอนว่าก็ยากต่อการแข่งขัน แต่ทางเน็ตฟลิกซ์ก็ได้เปลี่ยนตัวเองจากผู้ให้เช่าหนัง กลายมาเป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิงที่มีระบบนำคอนเทนต์ และสร้างความแตกต่างด้วยการผลิตคอนเทนต์ของตัวเอง หรือจะเป็นแบรนด์มือถือชื่อดัง อย่าง Apple จากเดิมที่เริ่มต้นด้วยการผลิตและพัฒนาสินค้า อย่าง คอมพิวเตอร์แบบทั้งตั้งโต๊ะและพกพา แต่ปี 1997 สตีฟ จ็อบส์ก็ได้กลับเข้ามาพลิกโฉมแบรนด์ด้วยการออกสินค้าใหม่ ๆ เช่น iPhone และ iPad ที่กลายมาเป็นที่รักของคนเกือบทั่วโลก 

นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจแบรนด์ไทยที่กระโจนตัวเข้ามาอยู่ในน่านน้ำสีแดงนี้ด้วย เนื่องด้วยความต้องการทางการตลาดที่สูง และมีขนาด Market ที่ค่อนข้างไซซ์ใหญ่ แน่นอนว่าการแข่งขันก็ต้องสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งนี้ ในงาน Thailand Marketing Day 2025 โดยสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (Marketing Association of Thailand: MAT) ที่ผ่านมา ได้ยกกรณีศึกษาจาก 3 แบรนด์ไทยที่เรียกได้ว่าเป็นม้ามืดมาแรงในตอนนี้ ได้แก่ Karun แบรนด์ชาไทยสุดพรีเมียม ยืดเปล่า (Yeudpao) ที่อยากให้คนไทยมีเสื้อดี ๆ ใส่ และธุรกิจสุดท้ายอย่าง Her Hyness ผลิตภัณฑ์ความงามที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด ซึ่งทั้ง 3 แบรนด์เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของธุรกิจไทยในการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งและสามารถแข่งขันในตลาดที่ดุเดือดได้อย่างน่าจับตามองเลยทีเดียว 

ทำไมต้อง แดง และ น้ำเงิน?

ความเชื่อมโยงของสีคือแนวคิดหลักเบื้องหลังกลยุทธ์น่านน้ำสีน้ำเงิน (Blue Ocean Strategy) และกลยุทธ์น่านน้ำสีแดง (Red Ocean Strategy) เหล่านี้ เนื่องจากสีแต่ละสีมีความหมายในตัวเอง โดยสีน้ำเงินจะหมายถึง ความสงบและผ่อนคลาย เป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงและความเฉลียวฉลาด จึงถูกนำมาเปรียบกับน่านน้ำที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์และโอกาสใหม่ ๆ มากมาย ในทางกลับกัน สีแดงนั่นแสดงถึงอารมณ์ที่รุนแรง จึงเป็นตัวแทนของตลาดหรือการตลาดที่มีลักษณะการแข่งขันที่เข้มข้น รุนแรงและมีความตึงเครียด สีทั้งสองสีจึงเป็นตัวแทนลักษณะเด่นของการตลาดที่แตกต่างกันออกไป

แพลตฟอร์มออนไลน์ของไทยเป็นอย่างไร?

จากคำนิยามด้านบนพอมองภาพออกกันไหมคะ Red Ocean นั้นคือแพลตฟอร์มใดบ้างในไทย แน่นอนค่ะว่าต้องเปรียบได้กับแพลตฟอร์มที่มีฐานลูกค้าหรือลูกค้าที่เข้ามาบนแพลตฟอร์มมีความต้องการซื้อ (Demand) สูงอยู่แล้ว อย่าง E-marketplace ไม่ว่าจะเป็น Lazada, Shopee หรือแม้แต่ TikTok Shop ที่แซงเข้ามาเป็นม้ามืดอยู่ในตลาดแดงเดือดนี้ด้วยกัน ส่วนน่านน้ำสีน้ำเงินที่เป็นการมองหาตลาดใหม่ ๆ นั้นต้องเริ่มมาจากความคิดที่แตกต่าง หรือจุดเด่นของสินค้าและบริการของคุณ ยกตัวอย่างเช่น TikTok Shop ที่แม้จะต้องเผชิญกับการแข่งขันอันหนักหน่วงในตลาด แต่ก็สามารถพลิกเกมด้วยการกลับไปใช้จุดแข็งของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น คอนเทนต์วิดีโอสั้น Live ขายของหรือการสร้าง Engagement ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค ซึ่งเป็นจุดแข็งที่แพลตฟอร์มอื่นไม่สามารถเลียนแบบได้ง่าย ๆ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า ในยุคที่แพลตฟอร์มออนไลน์แข่งขันกันอย่างรุนแรง การจะอยู่รอดไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่การมีฐานลูกค้าที่ใหญ่หรือโปรโมชันที่น่าดึงดูดเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยการเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค สร้างจุดขายที่แตกต่าง เพื่อให้สามารถสร้างตลาดใหม่ที่มีศักยภาพในระยะยาว    

นอกจากการปรับตัวของแพลตฟอร์มแล้ว แบรนด์เองก็สามารถสร้างพื้นที่ของตัวเอง เพื่อหลีกหนีจากการแข่งขันอันดุเดือดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจได้เช่นกัน MyCloud เรามีโซลูชันที่ช่วยส่งเสริมการขายของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการขายผ่าน Sale Pages สร้างเว็บไซต์ของตัวเอง โดยสามารถตกแต่งและออกแบบหน้าเว็บไซต์ หรือจะกำหนดโปรโมชันเพื่อเพิ่มยอดขายได้เองง่าย ๆ  หรือจะเป็นการขายแบบ Omni Channel ที่เชื่อมต่อทุกช่องทางการขายของแบรนด์เอาไว้ ไม่ยึดติดกับการขายที่ช่องทางใดช่องทางหนึ่ง เป็นการสร้างพื้นที่ของแบรนด์ขึ้นมา และเป็นการเจาะเข้าไปที่กลุ่มลูกค้าหน้าใหม่ได้เช่นกัน เพราะนอกจากจะมีความโดดเด่น จดจำง่าย ยังสามารถกำหนดหรือออกแบบการติดต่อกับลูกค้า การซื้อ-ขายและการบริการลูกค้าได้ตามต้องการอีกด้วย ทั้งนี้ ระบบ OMS (Order Management System) ของ MyCloud ยังช่วยให้การจัดการทุกออเดอร์เป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าจะมาจากช่องทางใด ระบบจะรวบรวมคำสั่งซื้อจากทุกแพลตฟอร์มมาไว้ในที่เดียว ช่วยให้คุณติดตามสถานะการสั่งซื้อแบบเรียลไทม์ ทุก ๆ 3 นาที การันตีการจัดส่งทัน 99.5% ครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนการหยิบ แพ็กและจัดส่งสินค้า  

 ข้อดีและข้อเสียของ Red Ocean และ Blue Ocean

ข้อดีข้อเสียของตลาดแบบ Red Ocean (Red Ocean Strategy Advantages & Disadvantages)

          ข้อดีของตลาดที่มีการตลาดแบบ Red Ocean Strategy ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นตลาดที่ได้รับการยอมรับแล้ว ทำให้มีลูกค้า หรือผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มมาก ทำให้สามารถเริ่มต้นขายได้ง่าย รวมถึงประหยัดค่าใช้จ่ายในการสำรวจตลาดใหม่ ๆ หรือการเริ่มลงทุนที่มีความเสี่ยง

          มีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย และข้อเสียข้อแรกที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ เจ้าตลาดในแต่ละประเภทสินค้า หรือร้านดัง ร้านใหญ่บนแพลตฟอร์ม ที่มีคะแนนรีวิวมาก และได้เป็นร้านค้าแนะนำ เป็นต้น ซึ่งหากเป็นร้านค้าของคุณเองก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าคุณขายสินค้าแบบเดียวกัน แน่นอนว่าลูกค้าต้องเลือกซื้อสินค้าจากร้านที่น่าเชื่อถือกว่าอยู่แล้ว ดังนั้นหลาย ๆ ร้านบน Marketplace ก็มักจะสู้กันด้วยสงครามราคานั่นเอง

ข้อดีข้อเสียของตลาดแบบ Blue Ocean (Blue Ocean Strategy Advantages & Disadvantages)

         ข้อดีของตลาดที่มีการตลาดแบบ Blue Ocean Strategy คือความยั่งยืนและผลกำไรของแบรนด์ที่มากกว่า นอกจากนี้ยังเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค หรือองค์กรจริง ๆ เนื่องจากนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นจะช่วยตอบโจทย์ หรือแก้ปัญหาได้จริง ส่วนข้อเสียนั้นก็คือการเริ่มต้น เนื่องจากทุกอย่างใหม่หมด ไม่มีฐานลูกค้า จึงต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากในการเริ่ม และสร้างฐานลูกค้าขึ้นมาเอง

สรุปบทความ

ทั้งนี้ กลยุทธ์น่านน้ำสีแดง (Red Ocean) และสีน้ำเงิน (Blue Ocean) ต่างก็มีข้อดีและข้อเสีย ดังนั้นเคล็ดลับเลือกพื้นที่ขาย หรือตลาดใดที่จะเหมาะกับคุณคือการรู้จักลูกค้าเป้าหมายของคุณเป็นอย่างดี รวมถึงเข้าใจความต้องการของลูกค้าเหล่านั้นด้วย เช่น ถ้าหากสินค้าและบริการของคุณเป็นความต้องการของตลาดอยู่แล้ว แต่เพิ่มเติมสินค้า ด้วยการพัฒนาคุณภาพให้ตอบโจทย์มากขึ้น หรือการเพิ่มคุณค่าด้วยบริการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การแพ็คสินค้าและการจัดส่งที่รวดเร็ว น่าประทับใจ คุณก็สามารถเข้าสู่น่านน้ำสีแดงได้และใช้ประโยชน์ตรงนี้ในการเรียนรู้จากคู่แข่งได้อีกด้วย แต่ถ้าหากสินค้าและบริการของคุณตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ เป็นสิ่งที่คิดว่าช่วยแก้ปัญหาหรือตอบสนองผู้บริโภคได้จริง ๆ ก็แน่นอนว่าน่านน้ำสีฟ้าอันกว้างใหญ่คือคำตอบของคุณนั่นเอง

สนใจศึกษาและลงทะเบียนได้ที่ www.mycloudfulfillment.com 

หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

โทร: 092-472-7742, 02-138-9920

อีเมล: [email protected] 

line: @mycloudgroup

MyCloudFulfillment ขายของง่ายไม่ต้องแตะสต๊อก

บริการคลังสินค้าออนไลน์ เก็บ แพ็ค ส่ง ครบวงจร

บทความที่เกี่ยวข้อง

อ่านเพิ่มเติม

รู้จัก Chat Commerce คืออะไร ในยุคธุรกิจออนไลน์แบบนี้ การขายผ่านแชทดีอย่างไร

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันแชทกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้ว ทำให้หลากหลายแบรนด์ หรือธุรกิจจำนวนมากได้ปรับตัวและนำเอาช่องทางการสื่อสารนี้มาต่อยอดเป็นช่องทางการขาย จึงเกิดเป็นรูปแบบการค้าออนไลน์รูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Chat Commerce ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย เพราะไม่เพียงแต่สร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ซื้อและผู้ขายเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างแบรนด์กับลูกค้าอีกด้วย ดังนั้นในวันนี้ MyCloud Fulfillment จะพามาทำความรู้จักกับ Chat Commerce คืออะไร และมีข้อดีอย่างไรบ้างให้มากขึ้นในบทความนี้กัน   Chat Commerce คืออะไร  Chat Commerce คือรูปแบบการซื้อ-ขายสินค้าและบริการผ่านแพลตฟอร์มแชทต่าง ๆ ที่เน้นการสื่อสารแบบสองทางระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ โดยเป็นการผสมผสานระหว่างความสะดวกสบายของ E-Commerce เข้ากับความต้องการความเป็นส่วนตัวในการสนทนา ทำให้การซื้อขายมีความเป็นกันเองมากขึ้น ผู้ขายสามารถให้ข้อมูล ตอบคำถามและสร้างความประทับใจผ่านการพูดคุยได้โดยตรงผ่านกล่องข้อความ ซึ่งจะแตกต่างจากการซื้อ-ขายแบบเดิมที่จำเป็นต้องเห็นสินค้าจริงก่อน แล้วถึงจะตัดสินใจ ทำให้การสร้างความไว้วางใจผ่านการสนทนาในช่องแชท จึงเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ลูกค้ากล้าตัดสินใจซื้อแม้จะยังไม่ได้เห็นสินค้าจริงนั่นเอง   หลักการทำงานของ Chat Commerce  หลักการทำงานของ Chat Commerce คือระบบจะใช้การทำงานแบบ Asynchronous ซึ่งสามารถดำเนินการหลายคำสั่งพร้อมกัน ทำให้การตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการสอบถามข้อมูลสินค้า การสั่งซื้อหรือการชำระเงิน ทุกขั้นตอนสามารถดำเนินการผ่านแชทได้อย่างครบวงจร พร้อมทั้งมีระบบรักษาความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือ ทำให้การซื้อขายผ่านแชทเป็นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน  แพลตฟอร์ม Chat Commerce ที่ได้รับความนิยมในไทย ปัจจุบันมีแพลตฟอร์ม […]

5 เทคนิคโกยยอดขายให้พุ่ง ช่วง Double Day

Double Day หรือที่หลายคนรู้จักกันดีว่า “วันเลขเบิ้ล” หนึ่งใน Mega Campaign ของแต่ละเดือนที่ใหญ่ที่สุดจะถูกจัดขึ้นในวันเดียวเดือนเดียวกัน เช่น 7.7, 10.10, 12.12 กลายเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ผู้คนรอคอยมากที่สุดสำหรับการช้อปปิ้งออนไลน์ในแต่ละเดือน ไฮไลท์ของวันนี้คือมหกรรมดีลพิเศษ จัดโดยแพลตฟอร์ม Marketplace อย่างเช่น Lazada, Shopee, และ TikTok ถ้าพูดถึงในฝั่งของผู้ขายแล้วนั้น ช่วงแคมเปญใหญ่แบบนี้แหละจะเป็นช่วงที่ร้านค้าออนไลน์ไม่ควรพลาดที่จะเข้าร่วมแคมเปญการขายต่างๆเพราะเป็นช่วงเวลาทองที่จะช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับร้านค้า สำหรับผู้ซื้อ การรอคอยในช่วงแคมเปญนี้ นั้นไม่ใช่เพียงแค่ดีลพิเศษ แต่ยังเป็นโอกาสที่จะได้สินค้าที่ต้องการในราคาที่คุ้มค่าที่สุด จึงถือว่าเป็นหนึ่งในแคมเปญที่ได้ผลตอบรับที่ดีมาก จากการสำรวจพบว่าหลายร้านค้าและแบรนด์ดังมียอดขายเพิ่มขึ้นเท่าตัวเมื่อเทียบกับวันปกติ ซึ่งบทความนี้จะมาพูดถึงกลยุทธ์ที่จะช่วยร้านออนไลน์มียอดขายที่พุ่ง กำไรที่ปัง ในช่วง double day และถ้าขายดีขึ้นมาแล้วจะทำยังไงให้ยอดขายไม่ตกมาเริ่มที่เทคนิคแรกกันเลยค่ะ 1.จัดโปรโมชั่นที่ดึงดูด ช่วง Double Day การใช้โปรโมชั่นที่น่าสนใจก็ถือว่าเป็นการเรียกลูกค้าเข้ามาในร้านนั้นเอง และเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้เร็วยิ่งขึ้น การเข้าร่วมแคมเปญโปรโมชั่นของแพลตฟอร์มถือเป็นตัวเลือกแรกที่ร้านค้าจะต้องทำเพราะจะได้รับการโปรโมทจากแพลตฟอร์ม เพิ่มการมองเห็นของร้านค้า และทำให้ลูกค้าที่เข้ามาช้อปปิ้งเจอสินค้าของเราได้ง่ายยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างโปรโมชั่นที่ร้านค้าสามารถทำขึ้นมาเพื่อเข้าร่วมดีลพิเศษได้ เช่น Special Bundle Set การจัดเซ็ทสินค้าในราคาพิเศษ ซึ่งร้านค้าสามารถใช้เทคนิคการจัดเซ็ทโดยเลือกสินค้าที่ขายดีจับคู่กับสินค้าที่ขายไม่ค่อยดีคู่กัน เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้าและจะช่วยลดจำนวนสินค้าค้างสต๊อกได้อีกด้วย หรืออาจจะเป็นการจัดเซ็ทคอลเลคชั่นสินค้าในราคาพิเศษ ก็สามารถทำได้หลากหลาย ทั้งนี้การจัดโปรโมชั่นในลักษณะนี้จะช่วยดึงความสนใจลูกค้าเกิดความรู้สึกคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไปมากกว่าซื้อในราคาชิ้นเดี่ยว […]

รู้จัก Chat Commerce คืออะไร ในยุคธุรกิจออนไลน์แบบนี้ การขายผ่านแชทดีอย่างไร

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันแชทกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้ว ทำให้หลากหลายแบรนด์ หรือธุรกิจจำนวนมากได้ปรับตัวและนำเอาช่องทางการสื่อสารนี้มาต่อยอดเป็นช่องทางการขาย จึงเกิดเป็นรูปแบบการค้าออนไลน์รูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Chat Commerce ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย เพราะไม่เพียงแต่สร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ซื้อและผู้ขายเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างแบรนด์กับลูกค้าอีกด้วย ดังนั้นในวันนี้ MyCloud Fulfillment จะพามาทำความรู้จักกับ Chat Commerce คืออะไร และมีข้อดีอย่างไรบ้างให้มากขึ้นในบทความนี้กัน   Chat Commerce คืออะไร  Chat Commerce คือรูปแบบการซื้อ-ขายสินค้าและบริการผ่านแพลตฟอร์มแชทต่าง ๆ ที่เน้นการสื่อสารแบบสองทางระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ โดยเป็นการผสมผสานระหว่างความสะดวกสบายของ E-Commerce เข้ากับความต้องการความเป็นส่วนตัวในการสนทนา ทำให้การซื้อขายมีความเป็นกันเองมากขึ้น ผู้ขายสามารถให้ข้อมูล ตอบคำถามและสร้างความประทับใจผ่านการพูดคุยได้โดยตรงผ่านกล่องข้อความ ซึ่งจะแตกต่างจากการซื้อ-ขายแบบเดิมที่จำเป็นต้องเห็นสินค้าจริงก่อน แล้วถึงจะตัดสินใจ ทำให้การสร้างความไว้วางใจผ่านการสนทนาในช่องแชท จึงเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ลูกค้ากล้าตัดสินใจซื้อแม้จะยังไม่ได้เห็นสินค้าจริงนั่นเอง   หลักการทำงานของ Chat Commerce  หลักการทำงานของ Chat Commerce คือระบบจะใช้การทำงานแบบ Asynchronous ซึ่งสามารถดำเนินการหลายคำสั่งพร้อมกัน ทำให้การตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการสอบถามข้อมูลสินค้า การสั่งซื้อหรือการชำระเงิน ทุกขั้นตอนสามารถดำเนินการผ่านแชทได้อย่างครบวงจร พร้อมทั้งมีระบบรักษาความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือ ทำให้การซื้อขายผ่านแชทเป็นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน  แพลตฟอร์ม Chat Commerce ที่ได้รับความนิยมในไทย ปัจจุบันมีแพลตฟอร์ม […]

5 เทคนิคโกยยอดขายให้พุ่ง ช่วง Double Day

Double Day หรือที่หลายคนรู้จักกันดีว่า “วันเลขเบิ้ล” หนึ่งใน Mega Campaign ของแต่ละเดือนที่ใหญ่ที่สุดจะถูกจัดขึ้นในวันเดียวเดือนเดียวกัน เช่น 7.7, 10.10, 12.12 กลายเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ผู้คนรอคอยมากที่สุดสำหรับการช้อปปิ้งออนไลน์ในแต่ละเดือน ไฮไลท์ของวันนี้คือมหกรรมดีลพิเศษ จัดโดยแพลตฟอร์ม Marketplace อย่างเช่น Lazada, Shopee, และ TikTok ถ้าพูดถึงในฝั่งของผู้ขายแล้วนั้น ช่วงแคมเปญใหญ่แบบนี้แหละจะเป็นช่วงที่ร้านค้าออนไลน์ไม่ควรพลาดที่จะเข้าร่วมแคมเปญการขายต่างๆเพราะเป็นช่วงเวลาทองที่จะช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับร้านค้า สำหรับผู้ซื้อ การรอคอยในช่วงแคมเปญนี้ นั้นไม่ใช่เพียงแค่ดีลพิเศษ แต่ยังเป็นโอกาสที่จะได้สินค้าที่ต้องการในราคาที่คุ้มค่าที่สุด จึงถือว่าเป็นหนึ่งในแคมเปญที่ได้ผลตอบรับที่ดีมาก จากการสำรวจพบว่าหลายร้านค้าและแบรนด์ดังมียอดขายเพิ่มขึ้นเท่าตัวเมื่อเทียบกับวันปกติ ซึ่งบทความนี้จะมาพูดถึงกลยุทธ์ที่จะช่วยร้านออนไลน์มียอดขายที่พุ่ง กำไรที่ปัง ในช่วง double day และถ้าขายดีขึ้นมาแล้วจะทำยังไงให้ยอดขายไม่ตกมาเริ่มที่เทคนิคแรกกันเลยค่ะ 1.จัดโปรโมชั่นที่ดึงดูด ช่วง Double Day การใช้โปรโมชั่นที่น่าสนใจก็ถือว่าเป็นการเรียกลูกค้าเข้ามาในร้านนั้นเอง และเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้เร็วยิ่งขึ้น การเข้าร่วมแคมเปญโปรโมชั่นของแพลตฟอร์มถือเป็นตัวเลือกแรกที่ร้านค้าจะต้องทำเพราะจะได้รับการโปรโมทจากแพลตฟอร์ม เพิ่มการมองเห็นของร้านค้า และทำให้ลูกค้าที่เข้ามาช้อปปิ้งเจอสินค้าของเราได้ง่ายยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างโปรโมชั่นที่ร้านค้าสามารถทำขึ้นมาเพื่อเข้าร่วมดีลพิเศษได้ เช่น Special Bundle Set การจัดเซ็ทสินค้าในราคาพิเศษ ซึ่งร้านค้าสามารถใช้เทคนิคการจัดเซ็ทโดยเลือกสินค้าที่ขายดีจับคู่กับสินค้าที่ขายไม่ค่อยดีคู่กัน เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้าและจะช่วยลดจำนวนสินค้าค้างสต๊อกได้อีกด้วย หรืออาจจะเป็นการจัดเซ็ทคอลเลคชั่นสินค้าในราคาพิเศษ ก็สามารถทำได้หลากหลาย ทั้งนี้การจัดโปรโมชั่นในลักษณะนี้จะช่วยดึงความสนใจลูกค้าเกิดความรู้สึกคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไปมากกว่าซื้อในราคาชิ้นเดี่ยว […]