Knowledge Center

Save Ralph คืออะไร? เมื่อผู้บริโภคตื่นตัวมากขึ้น แบรนด์ควรรับมือยังไง?

  ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีใครเห็น #saveralph กันบ้างไหมคะ หรือไม่ก็ต้องเห็นภาพเจ้ากระต่ายสีขาวที่ตาบอด 1 ข้างนี้ ใน Social media กันมาบ้าง ทราบหรือไม่คะว่าเกิดอะไรขึ้น และเรื่องนี้ส่งผลกับแบรนด์เครื่องสำอางทั่วโลกมากน้อยแค่ไหน MyCloud มีคำตอบค่ะ

          ปฎิเสธไม่ได้เลยนะคะว่า ในปัจจุบันผู้บริโภคตื่นตัวและให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อม และสัตว์โลกมากขึ้น รวมถึงมีพฤติกรรมที่แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมผ่านการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ หรือบริโภคอาหารที่เป็นมิตรต่อสัตว์และสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ดังนั้นแบรนด์เองต้องตระหนักถึงเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะการเข้าถึงข้อมูลและเผยแพร่ข่าวเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วบนช่องทางออนไลน์ ต่อให้เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงขนาดไหน ผู้บริโภคเองก็มีสิทธิที่จะไปเลือกซื้อแบรนด์ที่ตรงกับความต้องการมากกว่าอยู่ดี

Save ralph คืออะไร?

          แคมเปญที่เป็น Stop motion สั้น ๆ เพื่อรณรงค์เรื่องการยกเลิกการทดลองเครื่องสำอางกับสัตว์ โดย Humane Society International ซึ่งเลือกตัวละครหลักเป็นกระต่ายชื่อ “ราลฟ์” ที่มาเล้าถึงชีวิตของเขาและครอบครัวกระต่ายที่ต้องทนทุกข์ทรมาณจากการทดลอง แต่มีสีหน้ายิ้มแย้มสดใสให้กล้องอยู่เสมอ เพราะเขาเชื่อว่าเป็นภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่ได้ทำต่อเพื่อนมนุษย์ ซึ่งเป็นการจิกกัดปนเศร้าอุตสาหกรรมเครื่องสำอางได้เป็นอย่างดี เพราะในชีวิตจริงสัตว์เหล่านี้พูดไม่ได้ และไม่มีโอกาสได้เลือกชีวิตของตัวเองนั่นเองค่ะ

          ซึ่งเรื่องจริงของอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ที่มีการทดลองกับสัตว์นั้นไม่เพียงแต่มีกระต่ายเท่านั้น แต่ยังมี หนู และบางครั้งมีสุนัขด้วยค่ะ โดยประเทศที่มีการผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางที่ใช้สัตว์ทดลองมากที่สุดในโลกก็คือจีน ซึ่งถึงแม้จะดูเหมือนว่าเป็นการรณรงค์ทั่ว ๆ ไปแต่ครั้งนี้กระแส save ralph ก็ทำให้เกิด movement ต่าง ๆ ทั่วโลกนอกจากจะมีการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ ทั่วโลกแล้ว ยังเกิดไวรัลบน Social media อย่าง Twitter, Facebook หรือแม้แต่แพลตฟอร์มเพื่อความบันเทิงที่มาแรงที่สุดอย่าง Instagram และ Tiktok ก็ด้วยค่ะ

เมื่อผู้บริโภคตื่นตัวมากขึ้น แบรนด์ต้องปรับตัวอย่างไร?

          จากสถิติผู้บริโภคดิจิทัลมากกว่า 40% ใช้ social network เพื่อค้นคว้าแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และมองหารีวิวจากแพลตฟอร์ม Social media ต่าง ๆ มากขึ้น ทำให้สามารถเข้าถึงข่าวสาร หรือสื่อต่าง ๆ โดยตรง และกว่า 78% ของผู้บริโภคที่ร้องเรียน หรือออกมาโพสต์ถึงแบรนด์บน Twitter ก็มักจะได้รับการตอบกลับภายในหนึ่งชั่วโมง ซึ่งแสดงให้เห็นว่านั่นส่งผลต่อแบรนด์มากน้อยแค่ไหน เพราะอย่าลืมนะคะว่า เมื่อเราพูดถึง Social media ก็มีทั้งโอกาส และข้อควรระวังมากมายที่แบรนด์ต้องคำนึงถึง

          อย่าง Save ralph เองก็ทำให้ชาวเน็ตถามหาแบรนด์ที่ไม่มีการทดลองกับสัตว์หรือ Cruelty Free และแบนผลิตภัณฑ์ที่มีการทารุณสัตว์กันมากขึ้น ซึ่งมีแบรนด์ดัง ๆ หลายแบรนด์เลยนะคะ ที่ถูกพูดถึง ซึ่งไม่ดีต่อตัวแบรนด์และย่อมกระทบถึงยอดขายได้แน่ ๆ ไม่ว่าเป็นแบรนด์เล็กหรือแบรนด์ใหญ่ เพราะเมื่อผู้บริโภคตื่นตัวในการใส่ใจสังคม สิ่งแวดล้อม และเพื่อสัตว์โลกมากขึ้น แบรนด์เองก็ต้อง Take Action และไม่นิ่งนอนใจที่จะแสดงจุดยืน รวมถึงหาทางออกที่ยั่งยืนที่สุด เพราะกระแสพวกนี้จะไม่มีวันหมดไป และในอนคตจะเพิ่มสูงขึ้นอีก อาจมีแคมเปญใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอีกก็ได้ค่ะ ในยุคที่ทุกอย่างแพร่กระจายไปได้ทั่วโลกแบบไม่มีขอบเขต ง่ายและเร็วแบบนี้

         สัญลักษณ์ Cruelty Free เป็นสัญลักษณ์บนฉลาก หรือบนผลิตภัณฑ์ที่บ่งบอกให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าสินค้านั้น ๆ ไม่มีการทดลองกับสัตว์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ได้รับการรับรองจากโปรแกรม People for the Ethical Treatment of Animals (PETA) ซึ่งจริง ๆ ก็มีหลากหลายแบบ รวมถึงแบบที่แสดงถึงวัตถุดิบออแกนิคอีกด้วยดังรูปต่อไปนี้

Save ralph ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ

          หาก Save ralph เป็นตัวแทนของอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงามแล้ว นอกจากนี้การตระหนักของผู้บริโภคเรื่องการใส่ใจสิ่งแวดล้อม และการลดการทารุณกรรมสัตว์ยังส่งผลต่ออุตสาหกรรมอื่น ๆ อย่างกว้างขวางอาทิเช่น อุตสาหกรรมอาหาร ที่เกิดเป็นเทรนด์ผู้บริโภคแบบใหม่ขึ้น ทำให้ยอดขายสินค้าออแกนิค หรือ fed free ที่เป็นการล่าสัตว์แบบไม่ใช่การลากอวนเพื่อเซฟชีวิตสัตว์น้ำอื่น ๆ เหล่านี้ก็มียอดขายดีเป็นอันดับหนึ่งบนแลตฟอร์ม E-Commerce ระดับโลกเช่นกัน สำหรับเทรนด์การบริโภคอย่างยั่งยืนนั้น อาจกล่าวได้ว่าเป็นการบริโภคที่สอดคล้องกับการใช้ชีวิต และสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ผู้บริโภคส่วนใหญ่หันมาบริโภคอาหารที่ยั่งยืน ปลอดภัยต่อสุขภาพ และเป็นมิตรต่อสัตว์ รวมถึงใส่ใจผลิตภัณฑ์ eco-friendly มากขึ้นนั่นเองค่ะ

          ในด้านของอุตสาหกรรมแฟชั่น ที่เกิดเป็นกระแสช่วงหนึ่ง เนื่องจากผู้บริโภคได้แบนแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นที่มาจากแรงงานคน อย่างชาวอุยกูร์ ที่ถูกรัฐบาลจีนควบคุมอยู่ ทำให้เกิดเสียงวิพากย์วิจารณ์รวมถึงแบ่งออกเป็นสองฝ่ายทั้ง ฝ่ายที่สนับสนุนและไม่สนับสนุน ทำให้ส่งผลกระทบต่อแบรนด์ระดับโลกอย่าง H&M,Uniqlo หรือ Nike และ Adidas ได้อีกด้วย

          เมื่อผู้บริโภคจำนวนมาก โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ในปัจจุบันนั้น มีทัศนคติและพฤติกรรมรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รวมถึงมีแนวโน้มที่จะจ่ายเงินซื้อสินค้าในราคาที่สูงขึ้น เพื่อบริโภคสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสัตว์ ถึงแม้ว่าจะหาซื้อได้ยากกว่าก็ตาม ดังนั้นนี่จึงเป็นความท้าท้ายที่ทุกธุรกิจต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องสำอาง หรืออาหารต้องเผชิญ และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาด การดำเนินธุรกิจ เพื่อให้ตอบสนองความคิด พฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าต่อไป

สนใจศึกษาและลงทะเบียนได้ที่ www.mycloudfulfillment.com
หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร: 092-472-7742, 02-138-9920
อีเมล: [email protected]
line: @mycloudgroup
MyCloudFulfillment ขายของง่ายไม่ต้องแตะสต๊อก
บริการคลังสินค้าออนไลน์ เก็บ แพ็ค ส่ง ครบวงจร

บทความที่เกี่ยวข้อง

อ่านเพิ่มเติม

รู้จัก Red Ocean คืออะไร ต่างจาก Blue Ocean อย่างไรบ้าง

          สงสัยกันไหมคะว่า Red Ocean และ Blue Ocean Strategy นั้นคืออะไร? แม้ว่าจะเคยได้ยินกันบ่อย ๆ แต่ก็ดูเป็นเรื่องไกลตัวใช่ไหมล่ะคะ สักทีวันนี้ MyCloud จะพาผู้อ่านทุกคนไปรู้จักกับ กลยุทธ์ Red Ocean และ Blue Ocean รวมถึงมองภาพรวมทั้งสองกลยุทธ์บนตลาดออนไลน์ของไทย อย่าง Marketplace ชื่อดังอย่าง Lazada และ Shopee รวมถึงช่องทางการขายออนไลน์อื่น ๆ อีกด้วย  Red Ocean Strategy (กลยุทธ์น่านน้ำสีแดง) คืออะไร  Red Ocean Strategy คือคำนิยามของกลยุทธ์ทางการตลาดที่เข้มข้น เปรียบเสมือนกับสีแดง เนื่องมาจากการแข่งขันทางการตลาดสูง และมีคู่แข่งที่มีธุรกิจลักษณะคล้ายกันจำนวนมาก ไม่โดดเด่น ทำให้ต้องแข่งขันกันที่ด้านอื่น ๆ เพื่อดึงดูดผู้บริโภค โดยมักจะแข่งขันกันจนเป็นสงครามราคา หรือการทำโปรโมชันลดราคา เพื่อเอาชนะคู่แข่ง จาก […]

3 วิธีสุดล้ำทำอย่างไร ให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ และบอกต่อ

 3 วิธีสุดล้ำทำอย่างไร ให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ และบอกต่อ               ร้านค้ายุคใหม่ ใส่ใจมากกว่าแค่เรื่องการขาย เพราะเน้นสร้างความสัมพันธ์และประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า เพื่อให้เกิดความประทับใจจนนำไปสู่การซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่อง และรักษาฐานลูกค้าเก่าที่มีให้เป็นลูกค้าประจำของเราต่อไป เพราะลูกค้าเก่าอาจมีการบอกต่อหรือแนะนำเพื่อน ๆ ของเขาให้มาเป็นลูกค้าของเราในอนาคตได้           แน่นอนว่าถ้าสินค้าดีมีคุณภาพ ใคร ๆ ก็อยากซื้อซ้ำ แต่อย่าลืมนะครับว่า ยุคนี้สมัยนี้ การแข่งขันสูงมาก ใครไม่พัฒนา หรือไปช้าไม่ทันเพื่อน รับรองครับว่ามีเจ้าอื่นมาซื้อใจลูกค้าของคุณไปต่อหน้าต่อตาเเน่นอน วันนี้ผมมีสามสิ่งหลัก ๆ ที่ ควรทำเพื่อให้ลุกค้าเดิมกลับมาซื้อของของเราซ้ำ และไปบอกต่อให้คนอื่น ๆ กลายมาเป็นลูกค้าใหม่ของเราคือ 1. Personalization 2. บริการหลังการขาย และ 3. Campaign บอกต่อ เพราะการสื่อสารให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายสามารถเพิ่มโอกาสในการปิดการขาย และสร้างกลุ่มลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์ได้ผลมากที่สุด ดังนั้น นี่อาจจะเป็นการตลาดที่คุณกำลังมองหาอยู่ครับ         การตลาดแบบ […]

รู้จัก Red Ocean คืออะไร ต่างจาก Blue Ocean อย่างไรบ้าง

          สงสัยกันไหมคะว่า Red Ocean และ Blue Ocean Strategy นั้นคืออะไร? แม้ว่าจะเคยได้ยินกันบ่อย ๆ แต่ก็ดูเป็นเรื่องไกลตัวใช่ไหมล่ะคะ สักทีวันนี้ MyCloud จะพาผู้อ่านทุกคนไปรู้จักกับ กลยุทธ์ Red Ocean และ Blue Ocean รวมถึงมองภาพรวมทั้งสองกลยุทธ์บนตลาดออนไลน์ของไทย อย่าง Marketplace ชื่อดังอย่าง Lazada และ Shopee รวมถึงช่องทางการขายออนไลน์อื่น ๆ อีกด้วย  Red Ocean Strategy (กลยุทธ์น่านน้ำสีแดง) คืออะไร  Red Ocean Strategy คือคำนิยามของกลยุทธ์ทางการตลาดที่เข้มข้น เปรียบเสมือนกับสีแดง เนื่องมาจากการแข่งขันทางการตลาดสูง และมีคู่แข่งที่มีธุรกิจลักษณะคล้ายกันจำนวนมาก ไม่โดดเด่น ทำให้ต้องแข่งขันกันที่ด้านอื่น ๆ เพื่อดึงดูดผู้บริโภค โดยมักจะแข่งขันกันจนเป็นสงครามราคา หรือการทำโปรโมชันลดราคา เพื่อเอาชนะคู่แข่ง จาก […]

3 วิธีสุดล้ำทำอย่างไร ให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ และบอกต่อ

 3 วิธีสุดล้ำทำอย่างไร ให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ และบอกต่อ               ร้านค้ายุคใหม่ ใส่ใจมากกว่าแค่เรื่องการขาย เพราะเน้นสร้างความสัมพันธ์และประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า เพื่อให้เกิดความประทับใจจนนำไปสู่การซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่อง และรักษาฐานลูกค้าเก่าที่มีให้เป็นลูกค้าประจำของเราต่อไป เพราะลูกค้าเก่าอาจมีการบอกต่อหรือแนะนำเพื่อน ๆ ของเขาให้มาเป็นลูกค้าของเราในอนาคตได้           แน่นอนว่าถ้าสินค้าดีมีคุณภาพ ใคร ๆ ก็อยากซื้อซ้ำ แต่อย่าลืมนะครับว่า ยุคนี้สมัยนี้ การแข่งขันสูงมาก ใครไม่พัฒนา หรือไปช้าไม่ทันเพื่อน รับรองครับว่ามีเจ้าอื่นมาซื้อใจลูกค้าของคุณไปต่อหน้าต่อตาเเน่นอน วันนี้ผมมีสามสิ่งหลัก ๆ ที่ ควรทำเพื่อให้ลุกค้าเดิมกลับมาซื้อของของเราซ้ำ และไปบอกต่อให้คนอื่น ๆ กลายมาเป็นลูกค้าใหม่ของเราคือ 1. Personalization 2. บริการหลังการขาย และ 3. Campaign บอกต่อ เพราะการสื่อสารให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายสามารถเพิ่มโอกาสในการปิดการขาย และสร้างกลุ่มลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์ได้ผลมากที่สุด ดังนั้น นี่อาจจะเป็นการตลาดที่คุณกำลังมองหาอยู่ครับ         การตลาดแบบ […]