Knowledge Center

Temu ศึกครั้งใหญ่ของ SMEs ไทย“จะรับมือยังไง ไม่ให้เจ๊ง!”

Temu (เทมู) แพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์จากจีน ที่กำลังโด่งดังอยู่ตอนนี้ ซึ่งมีบริษัทแม่อย่าง Pinduoduo (พินตั๋วตั๋ว) อีคอมเมิร์ชเจ้าดังที่ประสบความสำเร็จในตลาดออนไลน์จีนมาแล้วก่อนหน้านี้ และมีผู้ก่อตั้งคนเดียวกัน ก็คือ Colin Huang หรือหวงเจิง ทั้ง 2 แฟลตฟอร์มนี้เป็นบริษัทค้าปลีก ในเครือ PDD Holding โดยจะเน้นตลาดคนละกลุ่มเป้าหมาย โดยที่ Pinduoduo จะเน้นกลุ่มผู้ซื้อในประเทศจีน ส่วน เทมู จะเน้นกลุ่มผู้ซื้อในต่างประเทศ

Temu เข้ามาในไทยอย่างเป็นทางการเมื่อ วันนี้ 29 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา เป็นที่ฮือฮาใน วงการอีคอมเมิร์ซไทย เป็นอย่างมาก เพราะด้วย “ราคาสินค้า”ที่ถูกมาก จนนักช้อปออนไลน์ไม่พลาดที่แห่กันกดซื้อสินค้าจากแพลตฟอร์มดังกล่าว และมียอดดาวน์โหลดแอพพลิเคชันทั่วโลก ถึง 165 ล้านครั้งเลยทีเดียว และด้วยเหตุผลนี้ ก็สร้างความกังวลใจกับธุรกิจ SMEs รายย่อยในไทย หรือ พวกพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ ว่าจะยังขายของได้เหมือนเดิมไหม หรือ จะถูกแย่งลูกค้าที่เคยซื้อไปหรือเปล่า นั่นเอง


ทำไม Temu ถึงได้เปรียบเรื่อง “ราคา”? 

1. Temu ใช้กลยุทธ์ตัดพ่อค้าคนกลางเพื่อให้ได้เปรียบเรื่องราคา

เมื่อสั่งซื้อสินค้า 1 ชิ้น เท่ากับคุณได้ สินค้าราคาส่ง ไปเลยทันที โดยกลยุทธ์นี้เป็นการเปิดให้ ฝั่งผู้จัดจำหน่ายสินค้าจากโรงงานผลิตเข้ามาเป็นผู้ขายสินค้าบนแพลตฟอร์ม โดยที่ไม่ต้องดูแลร้านค้า,ทำการตลาด,จัดเก็บสินค้า และการขนส่ง ซึ่งทางแพลตฟอร์มเทมูจะเป็นผู้ดูแลในส่วนนี้เอง ผู้ขายแค่มีหน้าที่ในการผลิตสินค้าตามที่แพลตฟอร์มแจ้งไปและทำการส่งสินค้าไปยังคลังสินค้ากลางของเทมูอีกที โดยสินค้าที่ขายส่วนใหญ่จะไม่มีแบรนด์ และขายในราคาถูก ยิ่งร้านไหนที่ตั้งราคาได้ถูกมากกว่า ก็จะถูกเพิ่มการมองเห็นสินค้ามากยิ่งขึ้น

 2.การซื้อสินค้าแบบกลุ่ม (Group Buying )

กลยุทธ์นี้ได้รับความนิยมสูงสุดในตลาด E-Commerce ของจีน โดยเป็นการให้ผู้ซื้อรวมกลุ่มกันซื้อสินค้าและเทมู จะเป็นตัวกลางในการรวบรวมคำสั่งซื้อสินค้าประเภทเดียวกันกับผู้ซื้อคนอื่นๆ แล้วส่งให้กับผู้ขายหรือโรงงานผลิตที่ให้ต้นทุนที่ต่ำที่สุด ผลิตสินค้าในจำนวนที่มากในราคาต้นทุนที่ต่ำ จึงทำให้ เทมู ตั้งราคาขายสินค้าได้ถูกและได้เปรียบคู่แข่งคนอื่นๆ อีกทั้งค่าขนส่งก็จะถูกลงตามไปด้วย และหลังจากนั้นก็จะทำการกระจายสินค้าส่งให้ผู้ซื้ออีกที ซึ่งข้อเสียสำหรับผู้ซื้ออาจจะได้รับสินค้าที่ช้ากว่าปกติ แต่ส่วนมากก็เต็มใจที่จะรอเพราะคุ้มค่ากับราคาที่ต้องการ

นอกเหนือจากเรื่องราคา ก็ยังมีบริการหลังบ้านที่ครอบคลุม ทั้งในเรื่องการจัดส่งสินค้า การชำระเงิน และ การคืนเงิน (รับประกันคืนเงินภายใน 90 วัน โดยที่ไม่ต้องคืนสินค้าอีกด้วย จึงทำให้ Temu ประสบความสำเร็จในตลาด E-Commerce ในต่างประเทศอย่างทั้งในอเมริกาและยุโรปในระยะเวลาอย่างรวดเร็วเพียง 2 ปี 


Temu มีผลกระทบยังไงกับคนไทย?

ธุรกิจรายย่อยในประเทศเสียเปรียบสินค้าจาก Temu

ผู้ประกอบการในไทยที่ขายสินค้าประเภทเดียวกัน หรือสินค้าที่มีการใช้งานใกล้เคียง กับสินค้าจีน อาจจะถูกแย่งส่วนแบ่งการตลาดหรือกลุ่มผู้ซื้อด้วยเรื่องราคาที่ถูกกว่า และส่งผลต่อยอดขายที่อาจจะลดลงด้วยเช่นกัน

– การลดลงของกำลังซื้อในประเทศเพราะสินค้าจาก Temu หลากหลายและถูกกว่า

ด้วยความหลากหลายของสินค้าจากจีน ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภททุกเพศทุกวัย และดึงดูดในเรื่องของส่วนลดราคา ค่าส่งฟรี จึงทำให้ผู้ซื้อหลากหลายกลุ่มให้ความสนใจ ใช้จ่ายกับสินค้าที่มาจากจีนมากยิ่งขึ้น การหมุนเวียนของเงินภายในประเทศอาจลดลง ส่งผลให้เศรษฐกิจภายในประเทศโดยรวมอ่อนแอลง.

ความท้าทายในการแข่งขัน

อย่างที่รู้กันว่า ประเทศจีนได้ขึ้นชื่อว่าเป็น แหล่งโรงงานผลิตของโลก เนื่องจากมีกำลังการผลิตอย่างมหาศาล (Economy of Scale) อีกทั้งประชากรของจีนก็มีมากถึง 1.39 พันล้านคน และมีค่าจ้างแรงงานที่ต่ำ ทำให้มีต้นทุนการผลิตสินค้าที่ต่ำด้วยเช่นกัน ผู้ประกอบการในไทยอาจจำเป็นต้องปรับตัวโดยการเน้นคุณภาพ หรือสร้างมูลค่าเพิ่มในสินค้าของตน.

การเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค

เพราะด้วยการทำการตลาดที่หลากหลายและเข้าถึงง่ายของ เทมู ไม่ว่าจะเป็น ส่วนลดหรือโปรโมชั่นที่ดึงดูดใจ,มีเกมส์ที่สนุกๆให้ผู้ซื้อได้เล่นเพื่อลุ้นรับสินค้าฟรีหรือคูปองส่วนลดต่างๆ ส่งผลให้ผู้บริโภคไทยเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อหันมาสั่งสินค้าผ่านแอพพลิเคชันนี้มากขึ้น แทนที่จะสนับสนุนสินค้าภายในประเทศ

 – ผลกระทบต่อการจ้างงาน

หากธุรกิจ SMEs รายย่อยในไทยได้รับผลกระทบจากการแข่งขัน อาจส่งผลต่อการลดลงของการจ้างงานในประเทศ โดยเฉพาะในภาคการค้าปลีกและการผลิตสินค้า

อย่างไรก็ตามผลกระทบดังกล่าว อาจจะทำให้ผู้ประกอบการรายย่อย หรือ SMEs ในไทย มีความกังวลใจกันไม่มากก็น้อย แต่ก็ไม่ควรตื่นตระหนกกันมากจนเกินไป เพราะหากพูดถึง เรื่องราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งแล้ว ก็อาจจะมีผลต่อคุณภาพสินค้าที่ต่ำไปด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้หากคุณเป็นผู้ประกอบการ หรือ ทำธุรกิจขายออนไลน์ และมีผลกระทบโดยตรง ก็ควรจะรีบปรับตัวและหันมาพัฒนาแบรนด์หรือสินค้า เพื่อให้สามารถรับมือกับเหตุการณ์ครั้งนี้ได้ และทำให้ลูกค้าคนไทยอยากจะกลับมาอุดหนุนสินค้าหรือซื้อสินค้าจากร้านค้าของคนไทยด้วยกันจะดีกว่า 


6 วิธี รับมือ Temu ที่จะช่วย ให้ SMEs ไทยไปต่อ

1. การสร้างแบรนด์ (Branding )

เรื่องของ”ราคาสินค้าที่ถูก”เราอาจจะสู้ได้ยาก แต่การสร้างแบรนด์ หรือสร้างไลฟ์สไตล์ที่ชัดเจน สินค้าที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร และมีคุณภาพจะทำให้คนกล้าตัดใจซื้อ และ รู้สึกคุ้มค่าที่ได้จ่ายเงิน

2. การขายผ่านทางแชท (Social Commerce)

ก็ต้องยอมรับว่า คนไทยก็ยังชอบ พูดคุยและสอบถาม ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อสินค้า โดยเฉพาะธุรกิจประเภทที่จำหน่ายสินค้าประเภท รองเท้า ที่ผู้ซื้ออาจจะมีการสอบถามเกี่ยวกับ ขนาด ไซส์ ของรองเท้าก่อนเพื่อตัดสินใจซื้อ ซึ่งการขายผ่านช่องทาง Social Commerce เช่น Facebook หรือLine OA  ก็เป็นพื้นที่ที่ จีน ไม่สามารถเข้ามาแย่งคุณได้แน่นอน

3. การ Live ขายของ (Live Commerce)

เทรนการขายสินค้าผ่านทาง Live (ไลฟ์สด) ช่วยให้ร้านค้ามีส่วนรวมกับลูกค้าได้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น เช่น การพูดชื่อลูกค้า,ถามตอบได้ทันที ขณะไลฟ์ จะช่วยให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกดีๆ และเกิดการตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น ซึ่งถ้าให้คนจีนมาไลฟ์ขายของให้ฟังก็อาจจะฟังไม่รู้เรื่องใช่ไหมล่ะ ยังไงคนไทยก็ทำได้ดีกว่า 

4. การขายของหลายช่องทาง (Omni Channel)

ยังมี Platform อีกมากมาย ที่คุณสามารถนำสินค้าไปขายได้ ไม่ว่าจะเป็นทาง Marketplace(Lazada,Shopee,Tiktok) หรือ ทาง Website ,Social Commerce การกระจายสินค้าของคุณ ขายในหลายๆ ช่องทาง จะทำให้คุณไม่กังวลว่า สินค้าหรือช่องทางไหน จะถูกจีนเข้ามาแย่งเป็นพิเศษ  วิธีนี้เรียกว่าง่ายๆ ว่าการกระจายความเสี่ยงนั่นเอง

5. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า (Customer Relationship)

แน่นอนที่สุดว่า ลูกค้าทุกคนที่ซื้อของก็ต้องคาดหวังกับบริการที่ดี เช่น การพูดคุยตอบคำถาม,ให้การบริการที่ดี หรือ การส่งของอย่างรวดเร็ว จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกเป็นคนพิเศษ จดจำคุณได้ และก็จะเกิดการซื้อซ้ำนั่นเอง 

6. สร้างความเชื่อมโยงในความเป็นไทย 

พฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคหลายคน ตัดสินใจซื้อสินค้าด้วย อารมณ์ความรู้สึก หรือ ความผูกพันกับเรื่องราวที่เชื่อมโยงกับตัวสินค้า ถ้าคุณทำสินค้าที่มีความเป็นไทยแล้วมี Storytelling เกี่ยวกับสินค้านั้นๆแบบลึกซึ้ง เล่าเรื่องราวที่เชื่อมโยงความเป็นไทย เชื่อเถอะค่ะว่า คนไทยด้วยกันก็คงอยากที่จะซัพพอร์ตคุณมากขึ้น มีความอยากได้ อยากซื้อมาขึ้น ยกตัวอย่างเช่น สินค้าที่มี Packaging ลวดลายไทย,สินค้าพวกสกินแคร์ น้ำหอม ที่ Customize กลิ่นออกมาเป็น กลิ่นหอมของดอกไม้พันธ์ุไทย หรือ แม้กระทั้งสินค้าที่เป็นของกินเช่น ขนมที่ปรุงแต่งรสชาติสื่อถึงเมนูอาหารของไทย

และหากคุณคิดว่า 6 ข้อทั้งหมดนี้ เป็นประโยชน์กับธุรกิจของคุณ ที่ MyCloud Fulfillment เราตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณได้ค่ะ 

เพราะเราจะช่วยให้คุณ ได้มีเวลาอย่างเต็มที่ในการพัฒนาธุรกิจหรือแบรนด์สินค้าได้อย่างสบายๆ ในส่วนของเรื่องหลังบ้าน เรามีทีมงานที่จะช่วยให้คุณสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยจัดการเรื่องออเดอร์(OMS) ได้ในทุกๆช่องทาง,หรือแม้กระทั่งการไลฟ์ขายของ และช่วงที่มีออเดอร์ Spike (จำนวนออเดอร์ที่เพิ่มมากขึ้นจนคุณรับมือไม่ไหว) ,การขายสินค้าในหลายช่องทาง ช่วยคุณเพิ่มโอกาสในการขายหรือช่วยเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด และเพิ่มยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างไร้ขีดจำกัด,การจัดส่งสินค้าที่รวดเร็ว ก็ช่วยเพิ่มความพึงพอใจกับลูกค้าของคุณด้วยเช่นกันค่ะ

ทุกๆอย่างที่เราทำจะช่วยให้คุณจัดการร้านค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน ให้การจัดการหลังบ้านเป็นหน้าที่ของ MyCloudFulfillment ที่เดียว ครบจบทุกขั้นตอน เริ่มต้นปรึกษาการใช้บริการที่นี่

บทความที่เกี่ยวข้อง

อ่านเพิ่มเติม

SLA สรุป 3 ตัวชี้วัด Marketplace ที่คนขายออนไลน์จะต้องรู้

การซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ที่นิยมในปัจจุบันนี้ก็คงต้องเป็นช่องทาง Marketplace ไม่ว่าจะเป็นช่องทางการขาย Lazada, Shopee, TikTok Shop ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่เพิ่มมากขึ้นตามมาด้วยการแข่งขันของร้านค้าใน Marketplace ที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ร้านค้าออนไลน์อาจจะต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆเพื่อให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ สำหรับบทความนี้เราจะมาพูดถึงปัจจัยที่เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ร้านค้ามีเรทติ้งร้านค้าที่ดีและเป็นส่วนช่วยทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้าอีกด้วยนั้นก็คือ SLA (Service Level Agreement) แน่นอนว่าการมีเรทติ้งร้านค้าที่ดีนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากความคาดหวังของลูกค้ามีความสูงขึ้นเรื่อยๆ การรักษามาตรฐาน SLA ที่ดีจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ทั้งในเรื่องของความรวดเร็วในการจัดส่ง คุณภาพของสินค้าที่ตรงตามที่ระบุ และการให้บริการลูกค้าอย่างมืออาชีพ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงต่อความสำเร็จและความยั่งยืนของธุรกิจในระยะยาว SLA คืออะไร? SLA (Service Level Agreement) หรือข้อตกลงในการให้บริการระหว่างร้านค้าและแพลตฟอร์มการขาย ซึ่งก็จจะเป็นในส่วนข้อตกลงในการให้บริการเพื่อวัดคุณภาพการจัดส่งของร้านค้า การที่ร้านค้าปฏิบัติตามข้อตกลงSLA ของแพลตฟอร์มจะช่วยให้ร้านค้า ไม่โดนคะแนนบทลงโทษ สามารถเข้าร่วมแคมเปญใหญ่ๆ เพิ่มโอกาสในการขาย และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า 3 ตัวชี้วัด SLA แต่ละ Marketplace เรียกว่าอะไร ทำไมถึงสำคัญ? อัตราการจัดส่งเร็ว,อัตราการจัดส่งล่าช้า,อัตราการจัดส่งไม่สำเร็จ 3 ตัวชี้วัดนี้ร้านค้าควรที่จะเลือกโฟกัสเป็นอันดับต้นๆ เพราะหากถ้าทำได้ดีแล้ว ตัวชี้วัดอื่นๆก็จะมีคะแนนที่ดีตามมาด้วย แต่หากทำไม่ถึงเกณฑ์ตามที่แพลตฟอร์มกำหนดก็อาจจะมีบทลงโทษซึ่งส่งผลกระทบตั้งแต่การมองเห็นสินค้า,ถูกตัดสิทธิ์เข้าร่วมแคมเปญการขายต่างๆ,ถูกจำกัดคำสั่งซื้อรายวัน หรืออาจจะส่งผลกระทบไปถึงขั้นร้านค้าถูกระงับชั่วคราวและถูกปิดถาวรได้เลย ใครที่ขายออนไลน์ช่องทาง […]

มาดู! บูธแถวไหน ตำแหน่งไหน เป็นทำเลทอง – MyCloudFulfillment

นอกจากสถานที่จัดงานที่ต้องเดินทางสะดวกแล้ว ตำแหน่งที่ตั้งในการออกบูธก็สำคัญไม่แพ้กัน! 🎪 เพราะหลังจากที่ MyCloudFulfillment ไป Set up บูธให้ลูกค้าบ่อยๆ เราก็แอบสังเกตและเก็บข้อมูลมาฝากเพื่อนๆ โดยเฉพาะร้านค้าออนไลน์ที่อยากมีหน้าร้าน ก็ลองมาออกบูธดูก่อนก็ได้นะ ซ้อมไว้ๆ 😊 และที่สำคัญต้องแย่งชิงตำแหน่งทำเลทองให้ทัน จะมีโลเคชั่นไหนปังๆ บ้าง ไปดูกันเลย! 1.บูธแถวทางเข้าประตู จะมีตำแหน่งไหนเด่นกว่านี้อีก‼ เข้างานมาก็เจอร้านของคุณบูธแรกเลย แล้วถ้าจัดร้านสวยๆ ก็ยิ่งโดดเด่น เรียกความสนใจ ดึงดูดสายตาได้ดีเลยล่ะ และส่วนใหญ่บูธแถวๆทางเข้าประตู ก็จะโดนจับจองไปเร็วมากกกกก และอาจจะมีค่าใช้จ่ายที่แพงกว่าหน่อย 2.บูธแถวหัวมุม บูธหัวมุมก็จะแพงกว่าล็อคอื่นเช่นกัน แต่มันมีข้อดีตรงไหนรู้ไหม? เราจะได้พื้นที่ในการขายของที่ดีกว่า เพราะสามารถจัดวางสินค้าได้ถึง 2 ฝั่ง ดังนั้น เราควรจัดหน้าร้านให้เห็นหลายๆ ด้าน ไม่ใช่แค่ด้านหน้าด้านเดียว จัดเต็มแน่นๆ จุกๆ 3.บูธโซนกลาง ปกติแล้วเวลาเราเดินดูของ เราก็จะเลือกเดินแถวกลางจริงไหม? เพราะคิดว่าโซนริมๆ ไม่น่าสนใจ โซนกลางน่าจะมีแต่ร้านดังๆ มากกว่า ถ้าเพื่อนๆ เลือกได้ โซนนี้ก็น่าสนใจ คนจะเดินเข้ามาเยอะเป็นพิเศษ ไม่ต้องพูดเรียกลูกค้าให้เหนื่อยด้วย 😁 MyCloudFulfillment […]

SLA สรุป 3 ตัวชี้วัด Marketplace ที่คนขายออนไลน์จะต้องรู้

การซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ที่นิยมในปัจจุบันนี้ก็คงต้องเป็นช่องทาง Marketplace ไม่ว่าจะเป็นช่องทางการขาย Lazada, Shopee, TikTok Shop ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่เพิ่มมากขึ้นตามมาด้วยการแข่งขันของร้านค้าใน Marketplace ที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ร้านค้าออนไลน์อาจจะต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆเพื่อให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ สำหรับบทความนี้เราจะมาพูดถึงปัจจัยที่เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ร้านค้ามีเรทติ้งร้านค้าที่ดีและเป็นส่วนช่วยทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้าอีกด้วยนั้นก็คือ SLA (Service Level Agreement) แน่นอนว่าการมีเรทติ้งร้านค้าที่ดีนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากความคาดหวังของลูกค้ามีความสูงขึ้นเรื่อยๆ การรักษามาตรฐาน SLA ที่ดีจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ทั้งในเรื่องของความรวดเร็วในการจัดส่ง คุณภาพของสินค้าที่ตรงตามที่ระบุ และการให้บริการลูกค้าอย่างมืออาชีพ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงต่อความสำเร็จและความยั่งยืนของธุรกิจในระยะยาว SLA คืออะไร? SLA (Service Level Agreement) หรือข้อตกลงในการให้บริการระหว่างร้านค้าและแพลตฟอร์มการขาย ซึ่งก็จจะเป็นในส่วนข้อตกลงในการให้บริการเพื่อวัดคุณภาพการจัดส่งของร้านค้า การที่ร้านค้าปฏิบัติตามข้อตกลงSLA ของแพลตฟอร์มจะช่วยให้ร้านค้า ไม่โดนคะแนนบทลงโทษ สามารถเข้าร่วมแคมเปญใหญ่ๆ เพิ่มโอกาสในการขาย และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า 3 ตัวชี้วัด SLA แต่ละ Marketplace เรียกว่าอะไร ทำไมถึงสำคัญ? อัตราการจัดส่งเร็ว,อัตราการจัดส่งล่าช้า,อัตราการจัดส่งไม่สำเร็จ 3 ตัวชี้วัดนี้ร้านค้าควรที่จะเลือกโฟกัสเป็นอันดับต้นๆ เพราะหากถ้าทำได้ดีแล้ว ตัวชี้วัดอื่นๆก็จะมีคะแนนที่ดีตามมาด้วย แต่หากทำไม่ถึงเกณฑ์ตามที่แพลตฟอร์มกำหนดก็อาจจะมีบทลงโทษซึ่งส่งผลกระทบตั้งแต่การมองเห็นสินค้า,ถูกตัดสิทธิ์เข้าร่วมแคมเปญการขายต่างๆ,ถูกจำกัดคำสั่งซื้อรายวัน หรืออาจจะส่งผลกระทบไปถึงขั้นร้านค้าถูกระงับชั่วคราวและถูกปิดถาวรได้เลย ใครที่ขายออนไลน์ช่องทาง […]

มาดู! บูธแถวไหน ตำแหน่งไหน เป็นทำเลทอง – MyCloudFulfillment

นอกจากสถานที่จัดงานที่ต้องเดินทางสะดวกแล้ว ตำแหน่งที่ตั้งในการออกบูธก็สำคัญไม่แพ้กัน! 🎪 เพราะหลังจากที่ MyCloudFulfillment ไป Set up บูธให้ลูกค้าบ่อยๆ เราก็แอบสังเกตและเก็บข้อมูลมาฝากเพื่อนๆ โดยเฉพาะร้านค้าออนไลน์ที่อยากมีหน้าร้าน ก็ลองมาออกบูธดูก่อนก็ได้นะ ซ้อมไว้ๆ 😊 และที่สำคัญต้องแย่งชิงตำแหน่งทำเลทองให้ทัน จะมีโลเคชั่นไหนปังๆ บ้าง ไปดูกันเลย! 1.บูธแถวทางเข้าประตู จะมีตำแหน่งไหนเด่นกว่านี้อีก‼ เข้างานมาก็เจอร้านของคุณบูธแรกเลย แล้วถ้าจัดร้านสวยๆ ก็ยิ่งโดดเด่น เรียกความสนใจ ดึงดูดสายตาได้ดีเลยล่ะ และส่วนใหญ่บูธแถวๆทางเข้าประตู ก็จะโดนจับจองไปเร็วมากกกกก และอาจจะมีค่าใช้จ่ายที่แพงกว่าหน่อย 2.บูธแถวหัวมุม บูธหัวมุมก็จะแพงกว่าล็อคอื่นเช่นกัน แต่มันมีข้อดีตรงไหนรู้ไหม? เราจะได้พื้นที่ในการขายของที่ดีกว่า เพราะสามารถจัดวางสินค้าได้ถึง 2 ฝั่ง ดังนั้น เราควรจัดหน้าร้านให้เห็นหลายๆ ด้าน ไม่ใช่แค่ด้านหน้าด้านเดียว จัดเต็มแน่นๆ จุกๆ 3.บูธโซนกลาง ปกติแล้วเวลาเราเดินดูของ เราก็จะเลือกเดินแถวกลางจริงไหม? เพราะคิดว่าโซนริมๆ ไม่น่าสนใจ โซนกลางน่าจะมีแต่ร้านดังๆ มากกว่า ถ้าเพื่อนๆ เลือกได้ โซนนี้ก็น่าสนใจ คนจะเดินเข้ามาเยอะเป็นพิเศษ ไม่ต้องพูดเรียกลูกค้าให้เหนื่อยด้วย 😁 MyCloudFulfillment […]