ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันการค้าขายผ่านช่องทางออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้นอีกหนึ่งกุญแจของความสำเร็จในการทำธุรกิจนี้ คือการจัดการคำสั่งซื้อและการจัดส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งหนึ่งใน SLA หรือตัวชี้วัดสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องให้ความสนใจ คืออัตราการจัดส่งสินค้าไม่สำเร็จหรือ Non Fulfillment Rate บนแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์อย่าง Shopee ที่จะส่งผลโดยตรงต่อความพึงพอใจของลูกค้าและยอดขายของร้านค้า ดังนั้น วันนี้ MyCloud จะพาคุณทำความรู้จักว่า อัตราการจัดส่งสินค้าไม่สำเร็จ คืออะไร มีสาเหตุมาจากอะไรได้บ้าง ในบทความนี้กัน
Non Fulfillment Rate คืออะไร
Non Fulfillment Rate (NFR) หรืออัตราการจัดส่งสินค้าไม่สำเร็จ คือค่าที่แสดงถึงจำนวนคำสั่งซื้อที่ไม่สามารถจัดส่งได้สำเร็จ เทียบกับจำนวนคำสั่งซื้อทั้งหมดในช่วงเวลาย้อนหลัง 7 วัน โดยคำนวณจากเปอร์เซ็นต์ของคำสั่งซื้อที่ถูกยกเลิก
สามารถตรวจสอบอัตรา Non Fulfillment Rate (NFR) ได้จากที่ไหนบ้าง
สำหรับเจ้าของธุรกิจออนไลน์มือใหม่ที่เพิ่งลงสนามขายของบน Shopee ได้ไม่นาน ก็อาจจะมีความกังวลอยู่บ้างว่าแล้ว Non Fulfillment Rate (NFR) สามารถตรวจสอบได้จากที่ไหนบ้าง หากคุณสมัครและยืนยันตัวตนเป็น Shopee Seller อย่างถูกต้องแล้ว อัตราการจัดส่งค้าไม่สำเร็จจะถูกคำนวณอัตโนมัติและอัปเดตทุก ๆ วันจันทร์ โดยสามารถเข้าดูข้อมูลเหล่านี้ได้ที่ “Seller Centre” บนแท็ปเมนู “My Performance”
อย่างไรก็ตาม อัตรา NFR จะไม่ถูกคำนวณโดยอัตโนมัติ หากจำนวนคำสั่งซื้อของร้านค้าคุณยังไม่ถึงขั้นต่ำที่กำหนด
อัตราการจัดส่งไม่สำเร็จ (NFR) มีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง
สาเหตุของการเกิดอัตรา Non Fulfillment Rate (NFR)อาจเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งนี้สามารถแบ่งออกได้ ดังนี้
การยกเลิกคำสั่งซื้อโดยผู้ขาย
หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิด NFR คือการที่ผู้ขายต้องยกเลิกคำสั่งซื้อ จากปัญหาสินค้าหมดสต๊อกหรือการไม่อัปเดตจำนวนสินค้าให้เป็นปัจจุบัน เมื่อมีคำสั่งซื้อเข้ามาจึงไม่สามารถจัดส่งสินค้าได้ ทั้งนี้สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ด้วยการใช้บริการระบบบริหารจัดการสินค้า Order Management System (OMS) จาก MyCloud ช่วยจัดการสต๊อกแบบเรียลไทม์ โดยอัปเดตสต๊อกทุก ๆ 3 นาทีในทุกช่องทางการขาย นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Safety Stock ที่จะแจ้งเตือนเมื่อสินค้าเหลือน้อยกว่าจำนวนที่กำหนด ทำให้ร้านค้าสามารถเติมสต๊อกสินค้าเพิ่มได้ทันก่อนของจะหมด ช่วยให้วางแผนการสต๊อกสินค้าได้แม่นยำมากขึ้น ป้องกันทั้งปัญหาสินค้าขาดและสินค้าค้างสต๊อก ไม่ต้องคอยมายกเลิกคำสั่งซื้อที่เข้ามาอีกต่อไปและยังรักษาระดับ Non Fulfillment Rate (NFR) ให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีได้อีกด้วย
ระบบยกเลิกคำสั่งซื้อเองโดยอัตโนมัติ
อีกหนึ่งสาเหตุเลย คือการที่ระบบยกเลิกคำสั่งซื้อเองโดยอัตโนมัติ ซึ่งอาจเกิดจากการที่ร้านค้าไม่มีความเคลื่อนไหวนานเกิน 7 วัน หรือไม่สามารถส่งมอบพัสดุให้บริษัทขนส่งได้ภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งอาจทำให้ร้านค้าของคุณมีระดับ Non Fulfillment Rate (NFR) ที่เพิ่มมากขึ้นและอาจส่งผลเสียต่อโอกาสในการขายได้ในอนาคต
การคืนเงินคืนสินค้า
โดยกรณีนี้อาจจะเกิดจากการที่ผู้ขายส่งสินค้าผิด ผู้ซื้อไม่ได้รับสินค้า หรือสินค้าได้รับความเสียหาย เป็นต้น อย่างไรก็ตาม สำหรับร้านค้าหลาย ๆ เจ้าคงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นี้ และเพื่อสร้างประสบการณ์ในการซื้อที่ดีให้แก่ลูกค้า ที่คลังสินค้า MyCloud ทุกขั้นตอนทุกคำสั่งซื้อเราทำงานผ่านระบบ Barcode ตั้งแต่ขั้นตอนการหยิบสินค้า แพ็คสินค้าและส่งสินค้า หมดกังวลเรื่องการจัดส่งสินค้าผิดไปได้เลย อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบทุกออเดอร์ได้ด้วยกล้อง CCTV ร้านค้าไม่ต้องกลัว ลูกค้าไม่เป็นกังวล เพราะสามารถตรวจสอบขั้นตอนการแพ็คสินค้า พร้อมรายละเอียดได้ทีละออเดอร์เลย สร้างความไว้วางใจให้กับทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ ส่งผลให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
ถ้าอัตรา Non Fulfillment Rate สูงขึ้น จะส่งผลเสียต่อร้านค้าอย่างไรบ้าง
อัตรา Non Fulfillment Rate (NFR) อาจทำให้เกิดผลเสียที่ตามมาหลายด้านเลยทีเดียว ทั้งความน่าเชื่อถือของร้านค้า ความพึงพอใจของลูกค้าและยอดขาย เมื่อระดับ NFR สูงขึ้น คะแนนความประพฤติสะสมมากขึ้น ก็จะยิ่งถูกจำกัดสิทธิประโยชน์หรือถูกตัดสิทธิ์จาก Shopee มากขึ้นเท่านั้น ทั้งนี้ สามารถแบ่งระดับบทลงโทษได้ตามนโยบายคะแนนความประพฤติ ดังนี้
- ระดับคะแนนความประพฤติ ระดับที่ 1 (3 – 5 คะแนน) จะถูกตัดสิทธิ์เข้าร่วมแคมเปญ
- ระดับคะแนนความประพฤติ ระดับที่ 2 (6 – 8 คะแนน) ถูกตัดสิทธิ์เข้าร่วมแคมเปญ ไม่ได้รับเงินสนับสนุนค่าจัดส่ง และร้านค้าจะถูกลดการมองเห็นรายการสินค้าลง ซึ่งอาจทำให้ยอดขายลดลงได้
- ระดับคะแนนความประพฤติ ระดับที่ 3 (9 – 11 คะแนน) ถูกตัดสิทธิ์เข้าร่วมแคมเปญ ไม่ได้รับเงินสนับสนุนค่าจัดส่ง ร้านค้าจะถูกลดการมองเห็นรายการสินค้าและถูกตัดสิทธิ์จากการเข้าถึงรายการสินค้าของร้านค้า
- ระดับคะแนนความประพฤติ ระดับที่ 4 (12 – 14 คะแนน) ถูกตัดสิทธิ์เข้าร่วมแคมเปญ ไม่ได้รับเงินสนับสนุนค่าจัดส่ง ร้านค้าจะถูกลดการมองเห็นรายการสินค้า ถูกตัดสิทธิ์จากการเข้าถึงรายการสินค้าของร้านค้าและถูกตัดสิทธิ์การเพิ่มและแก้ไข้ข้อมูลสินค้า
- ระดับคะแนนความประพฤติ ระดับที่ 5 (≥ 15 คะแนน) ถูกตัดสิทธิ์เข้าร่วมแคมเปญ ไม่ได้รับเงินสนับสนุนค่าจัดส่ง ร้านค้าจะถูกลดการมองเห็นรายการสินค้า ถูกตัดสิทธิ์จากการเข้าถึงรายการสินค้าของร้านค้าและถูกตัดสิทธิ์การเพิ่มและแก้ไข้ข้อมูลสินค้า และบทลงโทษที่ร้ายแรงที่ถูก คือบัญชีอาจจะถูกระงับได้
ดังนั้น หากร้านค้าของคุณมีคะแนนความประพฤติสะสมสูงเกินไป ก็จะทำให้โอกาสในการขายลดลง ลูกค้าอาจเลือกซื้อสินค้าจากร้านค้าอื่นที่มีประสิทธิภาพการจัดส่งที่ดีกว่าก็ได้
อย่างไรก็ตามอัตราการจัดส่งสินค้าไม่สำเร็จนั้น ควรรักษาระดับให้อยู่คงที่ ไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ หากร้านค้าของคุณมีระดับ NFR มากกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป จะได้รับคะแนนความประพฤติ (Penalty Point) 1 คะแนน ดังนั้น หากร้านค้าได้รับคะแนนความประพฤติสะสมเป็นจำนวนมาก ก็จะยิ่งถูกตัดสิทธิประโยชน์จาก Shopee มากขึ้นด้วยเช่นกัน
ควรทำอย่างไร เพื่อแก้ปัญหา NFR
การรักษาระดับ Non Fulfillment Rate (NFR) ให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยอาศัยการจัดการที่เป็นระบบและมีประสิทธิภาพได้ ดังนี้
1. สต๊อกสินค้าให้พร้อมอยู่เสมอ
การบริหารสต๊อกสินค้าที่มีประสิทธิภาพเป็นกุญแจสำคัญในการควบคุม Non Fulfillment Rate (NFR) อย่างไรก็ตาม ควรมีระบบติดตามสต๊อกแบบเรียลไทม์ กำหนดจุด Reorder Point ที่เหมาะสมและคาดการณ์ความต้องการสินค้าล่วงหน้า โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลหรือแคมเปญส่งเสริมการขายต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นยอดขาย นอกจากนี้ ควรมีการตรวจนับสต๊อกอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ข้อมูลในระบบตรงกับสต๊อกจริง และควรมีสต๊อกสำรองสำหรับสินค้าขายดีเพื่อรองรับความต้องการที่อาจเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันด้วยเช่นกัน
2. ส่งมอบพัสดุภายในระยะเวลาที่กำหนด
การจัดส่งสินค้าตรงตามกำหนดเวลาเป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน เพราะฉะนั้นการวางแผนการจัดส่งสินค้าอย่างเป็นระบบ เช่น การเลือกใช้บริการขนส่งที่น่าเชื่อถือ และมีระบบติดตามสถานะพัสดุที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ควรจัดเตรียมทีมงานให้เพียงพอสำหรับการจัดการคำสั่งซื้อในช่วง Peak time และมีแผนสำรองรองรับกรณีเกิดปัญหาในการจัดส่ง เช่น การเปลี่ยนผู้ให้บริการขนส่งกรณีฉุกเฉินหรือการเพิ่มรอบการจัดส่งในช่วงที่มีคำสั่งซื้อเข้ามามากเป็นพิเศษ
3. กรณีไม่อยู่ เปิดใช้งาน Vacation Mode
ฟีเจอร์ Vacation Mode ก็เป็นอีกเทคนิคที่จะช่วยให้ผู้ขายสามารถรักษาเกณฑ์ Non Fulfillment Rate (NFR) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในกรณีที่ผู้ขายยังไม่พร้อมรับคำสั่งซื้อ ไม่ว่าจะเป็นช่วงวันหยุด ปรับปรุงคลังสินค้าหรือเหตุจำเป็นอื่น ๆ ควรเปิดใช้งาน Vacation Mode ล่วงหน้า พร้อมระบุวันที่จะกลับมาเปิดร้านให้ชัดเจน ซึ่งการทำเช่นนี้ จะช่วยป้องกันการเกิดคำสั่งซื้อที่ไม่สามารถจัดส่งได้ทันเวลา และรักษาความน่าเชื่อถือของร้านค้าในสายตาลูกค้าอีกด้วย
แต่หากไม่ต้องการปิดร้านหรือใช้งาน Vacation Mode เพราะไม่อยากพลาดโอกาสการขาย และไม่อยากให้ลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้าช่วงนั้น ๆ เกิดความรู้สึกไม่ประทับใจ สามารถใช้บริการคลังสินค้าออนไลน์ที่ช่วยจัดการออเดอร์แพ็กส่งให้อย่าง MyCloud Fulfillment เพราะคลังสินค้าที่ MyCloud เปิดให้บริการตลอด 365 วัน ไม่มีวันหยุด พร้อมช่วยคุณจัดการออเดอร์ได้ตลอด 24 ชั่วโมงเลย
4. แพ็คสินค้าให้ถูกต้องตามคำสั่งซื้อ
การแพ็คสินค้าอย่างถูกต้องตามคำสั่งซื้อที่เข้ามานั้น ถือว่าเป็นวิธีที่จะช่วยควบคุมอัตรา Non Fulfillment Rate (NFR) ได้ ควรมีระบบตรวจสอบความถูกต้องของสินค้าก่อนแพ็คสินค้า เช่น การใช้ checklist หรือระบบสแกนบาร์โค้ด และมีขั้นตอนการตรวจสอบซ้ำก่อนปิดกล่อง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้ซื้อจะได้รับสินค้าที่ถูกต้องและผู้ขายก็จะได้คะแนนความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นไปอีกด้วย
เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าปลายทางว่าสินค้าที่ได้รับจะเป็นสินค้าที่ถูกต้องตามคำสั่งซื้อที่เราสั่งไป MyCloud มีขั้นตอนที่ครอบคลุม ผ่านระบบสแกนบาร์โค้ดเพื่อยืนยันความถูกต้องในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ขั้นตอนการหยิบสินค้า แพ็คสินค้าและส่งสินค้า รวมถึงมีการบันทึกภาพด้วย CCTV ในทุก ๆ ขั้นตอนการทำงาน ทำให้ร้านค้าและลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่าสินค้าที่ได้รับจะถูกต้องแน่นอน
5. เช็กความเสียหายหรือตำหนิบนสินค้าให้ดี ก่อนแพ็คสินค้า
การตรวจสอบคุณภาพสินค้าก่อนจัดส่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการควบคุม Non Fulfillment Rate (NFR) ผู้ประกอบการควรมีระบบ QC ที่เข้มงวด ตรวจสอบสินค้าทุกชิ้นอย่างละเอียดก่อนแพ็ค ทั้งรอยตำหนิ ความสมบูรณ์ของบรรจุภัณฑ์และการทำงานของสินค้า (กรณีเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์) หากพบความเสียหาย ควรคัดแยกสินค้าออกทันทีและจัดหาสินค้าทดแทนที่มีคุณภาพ การตรวจสอบอย่างละเอียดจะช่วยลดปัญหาการคืนสินค้าและการร้องเรียนจากลูกค้าได้
และที่ MyCloud เรามีระบบ Inventory Management เริ่มตั้งแต่การ QC ที่เข้มงวดตั้งแต่ขั้นตอนการรับสินค้าเข้าคลัง โดยจะมีการตรวจสอบสินค้าเบื้องต้นตั้งแต่สภาพกล่องว่ามีรอยขาดหรือรั่วหรือไม่ จากนั้นจะสุ่มเปิดกล่องเพื่อ QC 10% ของสินค้า ตรวจสอบทั้งจำนวนสินค้า หมายเลข LOT และวันหมดอายุ
สำหรับร้านค้าที่ต้องการความมั่นใจเป็นพิเศษ เราก็มีบริการพิเศษสำหรับที่ครอบคลุมการ QC สินค้า 100% การติดสติกเกอร์หรือฉลากตามมาตรฐานต่าง ๆ เช่น มอก. รวมถึงการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์และปรับแต่งส่วนประกอบสินค้า ก่อนจะนำไปจัดเก็บเข้าคลังสินค้าอย่างเป็นระเบียบ ทำให้มั่นใจได้ว่าสินค้าที่ส่งถึงมือลูกค้าปลายทางจะมีคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนด ช่วยลดปัญหาการคืนสินค้าและรักษาความพึงพอใจของลูกค้าได้อีกด้วย
ในปัจจุบัน ผู้ประกอบการสามารถควบคุมระดับ Non Fulfillment Rate (NFR) ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยบริการ Fulfillment Solutions ที่ครอบคลุมทุกขั้นตอนการจัดการคำสั่งซื้อ อย่างเช่นบริการจาก MyCloud ที่รวมทุกฟีเจอร์สำคัญไว้ในที่เดียว ทั้งระบบบริหารสต๊อกแบบเรียลไทม์ อัปเดตทุก ๆ 3 นาที ระบบตรวจสอบคุณภาพสินค้า การแพ็คสินค้าตามมาตรฐานและการจัดส่งที่ตรงเวลา นอกจากนี้ยังมีระบบรายงานผลที่ช่วยให้ผู้ประกอบการติดตามและวิเคราะห์ประสิทธิภาพการจัดการได้อย่างแม่นยำ ส่งผลให้สามารถรักษาระดับ NFR ให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของร้านค้าและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าในระยะยาว
สรุปบทความ
Non Fulfillment Rate (NFR) เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่สะท้อนประสิทธิภาพการจัดการคำสั่งซื้อของร้านค้าออนไลน์ การควบคุม NFR ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมต้องอาศัยการจัดการที่เป็นระบบ ตั้งแต่การบริหารสต๊อกสินค้า การจัดส่งที่ตรงเวลา การใช้ Vacation Mode อย่างเหมาะสม การแพ็คสินค้าอย่างถูกต้อง และการตรวจสอบคุณภาพสินค้าอย่างละเอียด ผู้ประกอบการที่ให้ความสำคัญกับการจัดการ Non Fulfillment Rate (NFR) จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า เพิ่มโอกาสในการขาย และพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน สิ่งสำคัญคือต้องติดตามค่า NFR อย่างสม่ำเสมอ วิเคราะห์สาเหตุของปัญหา และปรับปรุงกระบวนการทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษามาตรฐานการบริการและความพึงพอใจของลูกค้าในระยะยาว
MyCloud Fulfillment พร้อมช่วยให้คุณสามารถจัดส่งสินค้าได้อย่างมีคุณภาพ ด้วยระบบ Fullfilment Solutions ที่ครบวงจรทั้งการจัดการออเดอร์และอัปเดตสต๊อกแบบเรียลไทม์ ระบบคลังสินค้า พร้อมขั้นตอนการแพ็คสินค้าที่มีการบันทึกภาพ CCTV ให้ลูกค้าปลายทางมั่นใจว่าจะได้รับสินค้าถึงมืออย่างครบถ้วนแน่นอน นอกจากนี้ ยังมี Dashboard ที่ช่วยให้ร้านค้าติดตามและวิเคราะห์ประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างแม่นยำ ให้คุณสามารถมุ่งเน้นไปที่การทำการตลาดและสร้างยอดขาย โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดการหลังบ้านอีกต่อไป
สนใจศึกษาและลงทะเบียนได้ที่ https://www.mycloudfulfillment.com/quotation
หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร: 092-472-7742, 02-138-9920
อีเมล: [email protected]
line: @mycloudgroup
MyCloudFulfillment ขายของง่ายไม่ต้องแตะสต๊อก
บริการคลังสินค้าออนไลน์ เก็บ แพ็ค ส่ง ครบวงจร