Double Day หรือที่หลายคนรู้จักกันดีว่า “วันเลขเบิ้ล” หนึ่งใน Mega Campaign ของแต่ละเดือนที่ใหญ่ที่สุดจะถูกจัดขึ้นในวันเดียวเดือนเดียวกัน เช่น 7.7, 10.10, 12.12 กลายเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ผู้คนรอคอยมากที่สุดสำหรับการช้อปปิ้งออนไลน์ในแต่ละเดือน ไฮไลท์ของวันนี้คือมหกรรมดีลพิเศษ จัดโดยแพลตฟอร์ม Marketplace อย่างเช่น Lazada, Shopee, และ TikTok ถ้าพูดถึงในฝั่งของผู้ขายแล้วนั้น ช่วงแคมเปญใหญ่แบบนี้แหละจะเป็นช่วงที่ร้านค้าออนไลน์ไม่ควรพลาดที่จะเข้าร่วมแคมเปญการขายต่างๆเพราะเป็นช่วงเวลาทองที่จะช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับร้านค้า
สำหรับผู้ซื้อ การรอคอยในช่วงแคมเปญนี้ นั้นไม่ใช่เพียงแค่ดีลพิเศษ แต่ยังเป็นโอกาสที่จะได้สินค้าที่ต้องการในราคาที่คุ้มค่าที่สุด จึงถือว่าเป็นหนึ่งในแคมเปญที่ได้ผลตอบรับที่ดีมาก จากการสำรวจพบว่าหลายร้านค้าและแบรนด์ดังมียอดขายเพิ่มขึ้นเท่าตัวเมื่อเทียบกับวันปกติ ซึ่งบทความนี้จะมาพูดถึงกลยุทธ์ที่จะช่วยร้านออนไลน์มียอดขายที่พุ่ง กำไรที่ปัง ในช่วง double day และถ้าขายดีขึ้นมาแล้วจะทำยังไงให้ยอดขายไม่ตกมาเริ่มที่เทคนิคแรกกันเลยค่ะ
1.จัดโปรโมชั่นที่ดึงดูด ช่วง Double Day
การใช้โปรโมชั่นที่น่าสนใจก็ถือว่าเป็นการเรียกลูกค้าเข้ามาในร้านนั้นเอง และเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้เร็วยิ่งขึ้น การเข้าร่วมแคมเปญโปรโมชั่นของแพลตฟอร์มถือเป็นตัวเลือกแรกที่ร้านค้าจะต้องทำเพราะจะได้รับการโปรโมทจากแพลตฟอร์ม เพิ่มการมองเห็นของร้านค้า และทำให้ลูกค้าที่เข้ามาช้อปปิ้งเจอสินค้าของเราได้ง่ายยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างโปรโมชั่นที่ร้านค้าสามารถทำขึ้นมาเพื่อเข้าร่วมดีลพิเศษได้ เช่น
Special Bundle Set
การจัดเซ็ทสินค้าในราคาพิเศษ ซึ่งร้านค้าสามารถใช้เทคนิคการจัดเซ็ทโดยเลือกสินค้าที่ขายดีจับคู่กับสินค้าที่ขายไม่ค่อยดีคู่กัน เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้าและจะช่วยลดจำนวนสินค้าค้างสต๊อกได้อีกด้วย หรืออาจจะเป็นการจัดเซ็ทคอลเลคชั่นสินค้าในราคาพิเศษ ก็สามารถทำได้หลากหลาย ทั้งนี้การจัดโปรโมชั่นในลักษณะนี้จะช่วยดึงความสนใจลูกค้าเกิดความรู้สึกคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไปมากกว่าซื้อในราคาชิ้นเดี่ยว
Gift With Purchases (GWP)
การจัดโปรโมชั่นของแถม จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดความอยากซื้อสินค้ามากยิ่งขึ้น แม้ว่าบางคนอาจจะไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อสินค้าแต่พอเห็นของแถมที่ตัวเองอยากได้แล้วอาจจะกดซื้อได้เลยทันทีก็ได้ ยกตัวอย่างโปรโมชั่นของแถมที่เราคุ้นๆนั้นก็คือ เช่น ซื้อ 1 แถม 1,ซื้อสินค้าครบ 500 บาทได้รับกระเป๋าพรีเมี่ยมฟรี 1 ใบ,ซื้อสินค้าภายในร้านภายในเวลา เที่ยงคืน-ตีสอง รับฟรี ของขวัญสุดพิเศษจากร้านค้า (ในจำนวนจำกัด) เป็นต้น
ซึ่งการทำโปรโมชั่นของแถมที่หลากหลายร้านค้าก็ต้องเตรียมวางแผนให้ดีเช่นกันเพราะหากตั้งโปรโมชั่นของแถมจากระบบร้านค้าแล้วลืมแถมสินค้าให้กับลูกค้าไปกับคำสั่งซื้อนั้นๆอาจจะทำให้เสียเวลาและเสียค่าส่งสินค้าของแถมตามไป อีกทั้งลูกค้าอาจจะไม่พอใจและเกิดความรู้สึกแย่ๆกับร้านค้าได้เช่นกันค่ะ
Flash Sale (ราคาพิเศษเฉพาะ Doble Day นี้เท่าน้น)
ดีลเด็ดจำกัดเวลา แม่ค้า พ่อค้า หลายคนคงไม่มีใครไม่รู้จักกับการจัดโปรโมชั่นนี้ เพราะถือว่าเป็นโปรที่ช่วยเร่งยอดได้เลยทีเดียว ด้วยช่วงเวลาและสต๊อกสินค้าที่จำกัดจะทำให้ลูกค้าเกิดความกลัวว่าสินค้าจะหมดและพลาดโปรดีๆจึงต้องรีบกดซื้อให้ทันนั้นเอง
ข้อควรระวังที่ร้านค้าต้องเตรียมนั้นก็คือสต๊อกสินค้าเพราะการที่จะเข้าร่วม Flash Sale นั้นได้ ทางแพลตฟอร์มจะมีเงื่อนไขที่ร้านค้าต้องปฏิบัติตาม เช่น ต้องมีจำนวนสต๊อกถึง 80-100 ชิ้น ถึงจะผ่านเกณฑ์ให้เข้าร่วม เพราะสต๊อกสินค้าต้องเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าที่จะมากดซื้อในช่วงเวลานั้นด้วยนั้นเอง
Free Delivery (ค่าส่งฟรีเมื่อซื้อสินค้าช่วง Double Day)
แน่นอนว่าอะไรยิ่งคุ้ม ลูกค้ายิ่งชอบ การจัดโปรโมชั่นแบบส่งฟรีจะช่วยทำให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกคุ้มค่าและเกิดความรู้สึกว่าเป็นคนพิเศษที่ได้รับข้อเสนอดีๆแบบนี้ อีกทั้งยังช่วยดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ๆที่อาจจะไม่เคยซื้อกับร้านค้าเรา ตัดสินใจกดซื้อได้ง่ายมากยิ่งขึ้น และเมื่อลูกค้าพอใจในการซื้อครั้งแรกก็จะเกิดการซื้อซ้ำนั้นเอง รวมถึงความรูภาพลักษณ์ของแบรนด์
2.ปรับแต่งหน้าร้านค้า Marketplace
การออกแบบหน้าร้านค้าหรือ Shop-in-Shop ให้ดึงดูดถือเป็นประตูบานแรกเลยก็ว่าได้ เมื่อลูกค้าเข้ามายังหน้าร้านค้าของเราไม่ว่าจะช่องทางการขาย Lazada, Shopee แล้วเจอ Banner ที่มีเอกลักษณ์หรือแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ก็จะทำให้ลูกค้าเกิดความสนใจอยากอยู่ในหน้านั้นๆและเลื่อนเจอสินค้า หรือ ข้อความโฆษณา,รายการสินค้าเซ็ทพิเศษที่เราอยากจะนำเสนอขายในช่วงโปรโมชั่นนั้นๆได้
ซึ่งปัจจุบันมีรูปแบบ Template การตกแต่งหน้าร้านค้าที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแบนเนอร์รูปภาพเดี่ยว,แบนเนอร์พร้อมแท็กสินค้า,เลือกแสดงลิงก์รายการสินค้าขายดี,หรือแสดงหมวดหมู่สินค้า เป็นต้น ซึ่งร้านค้าสามารถเข้าไปแก้ไข ปรับแต่งจากระบบหลังบ้านของ Marketplace นั้นๆได้เลย
3.โปรโมตแคมเปญ Double Day ผ่านทาง Social Media
ร้านค้าสามารถทำการโปรโมทก่อนวันเริ่มแคมเปญทาง Social Media เพื่อให้ลูกค้าได้รับรู้ว่าเรากำลังจะมีดีลพิเศษในช่วงวัน double days เพื่อช่วย Traffic คนเข้่ามายังร้านค้าใน Marketplace ซึ่งมีหลายวิธีที่สามารถทำได้ไม่ว่าจะเป็นทำโพสต์คอนเทนต์ทาง Facebook หรือยิง Ads ทำโฆษณาโปรโมท,ประชาสัมพันธ์ บรอดแคสผ่านทาง Line
หรือจะเป็นการร่วมมือกับ Influencers หรือ Bloggers เพื่อให้ทำการโปรโมทรีวิวสินค้า,ทำคอนเทนต์ร่วมกัน โดยเฉพาะในช่วงแคมเปญใหญ่ ๆ อย่าง Double Day การสื่อสารผ่านทางนักรีวิวเหล่านี้จะช่วยให้แบรนด์สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างและตรงกลุ่มมากยิ่งขึ้น
4.เตรียมสต๊อกสินค้าให้พร้อมขาย
ข้อนี้ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญอย่างยิ่งในการเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มแคมเปญ เพราะถ้ามีสินค้าไม่เพียงพอต่อการขาย หรือสินค้าหมดลูกค้าอาจจะกดซื้อไม่ได้ซึ่งเท่ากับว่าคุณเสียโอกาสในการทำกำไรในวันนั้นได้ทันที ร้านค้าควรจะมีการวางแผนและตรวจเช็คสต๊อกสินค้าให้ละเอียด และคาดการณ์จำนวนสินค้าที่มี เทียบกับความต้องการซื้อของลูกค้า ในช่วงวันแคมเปญ โดยเฉพาะสินค้าที่เป็น Best Seller หรือสินค้าขายดีไม่ควรให้ขาดสต๊อกในช่วงเวลาที่มีการโปรโมทสินค้าหรือจัดโปรโมชั่น เนื่องจากเป็นสินค้าที่ลูกค้าคาดหวังว่าจะมีพร้อมขายอยู่เสมอ
หากสินค้าขายดีเหล่านี้ขาดสต๊อก นอกจากคุณจะเสียโอกาสในการขายไปแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อความพึงพอใจของลูกค้าอีกด้วย ลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้านั้นอาจรู้สึกผิดหวัง และได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดี อาจทำให้ลูกค้าประจำเปลี่ยนใจไปซื้อสินค้าจากคู่แข่งแทน คุณอาจสูญเสียลูกค้าทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของแบรนด์ในสายตาลูกค้าอีกด้วย และหากเมื่อรู้ตัวเนิ่นๆว่าสินค้าใกล้จะหมดก็ควรรีบเติมสต๊อก ก่อนที่จะพลาดโอกาสการขายที่จะเกิดขึ้นในช่วงแคมเปญ
5. เตรียมทีมงานหลังบ้านให้พร้อม
ไม่ว่าคุณจะเป็นร้านค้าขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่การมีทีมงานหลังบ้านให้พร้อมรับมือในวันแคมเปญย่อมเป็นเรื่องที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการตอบคำถามลูกค้าผ่านทางแชทข้อความ ทั้งในช่วงก่อนจนถึงช่วงเริ่มแคมเปญมักจะมีลูกค้าเข้ามาสอบถามรายละเอียดสินค้า,รายละเอียดโปรโมชั่นที่จะเกิดขึ้น หรือแม้กระทั้งหลังจบแคมเปญแล้วก็ตามลูกค้าก็จะเข้ามาสอบถามเรื่องการจัดส่งหรือติดตามพัสดุนั้นเอง ซึ่งการตอบคำถามอย่างสุภาพและตอบได้รวดเร็วถือเป็น การรักษาระดับความสัมพันธ์กับลูกค้า ทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจ เกิดความรู้สึกดีๆกับร้านค้าและมีผลต่อการตัดสินใจซื้อในครั้งนั้นและครั้งถัดไป
อีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันถ้าจะพูดถึงทีมงานหลังบ้านก็คงไม่พ้นเรื่อง การจัดการออเดอร์ เพราะการเตรียมหรือวางแผนเรื่องทีมงานก็จะช่วยให้การจัดการออเดอร์ได้อย่างราบรื่น เพราะไม่มีใครรู้ว่าออเดอร์จะเกิดขึ้นเยอะมากน้อยเท่าไหร่หากจัดการแพ็กสินค้าส่งไม่ทันส่ง ออเดอร์อาจจะถูกยกเลิกหรือเสียคะแนนร้านค้าได้ หรือการมีระบบจัดการออเดอร์(OMS)เข้าเข้ามาช่วยก็จะทำให้การจัดการออเดอร์ง่ายขึ้น เพราะจะช่วยจัดลำดับความสำคัญของออเดอร์ ว่าออเดอร์ใดควรจัดการก่อน ช่วยลดปัญหาการจัดส่งล่าช้าและลดความเสี่ยงในการเกิดข้อผิดพลาด เช่น การแพ็กสินค้าผิด เป็นต้น
ขายดีจนปัง! แต่ต้องระวังเรื่องเหล่านี้
การเตรียมตัวขายในช่วง Double Day เป็นสิ่งสำคัญที่ร้านค้าออนไลน์ไม่ควรมองข้าม แม้ว่ากลยุทธ์ทั้ง 5 ข้อที่กล่าวมาอาจดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆที่ปกติร้านค้าออนไลน์หลายๆร้านทั่วไปก็ทำกันอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณเป็นร้านค้าที่ขายสินค้าผ่านหลายช่องทาง ทั้ง Lazada, Shopee, TikTok Shop หรืออาจะขายทาง Social Media ด้วย ในช่วงแรกๆคุณอาจจะจัดการออเดอร์เสร็จทันได้ตามเวลาของแพลตฟอร์ม แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณขายดีขึ้นจนจำนวนออเดอร์เพิ่มขึ้นแบบกระทันหันจนไม่สามารถจัดการออเดอร์ได้เองทัน อาจจะส่งผลกระทบต่อร้านค้าตามมาอย่างเช่น ส่งของช้า,ออเดอร์ถูกยกเลิก,คะแนนร้านค้าตก
ผลกระทบดังกล่าวนี้อาจจะทำให้ร้านค้าของคุณถูกตัดสิทธิ์ในการเข้าร่วมแคมเปญใหญ่ๆได้เลย อย่างเช่น แคมเปญช่วง Double Day, Mid Month, Pay Day อีกทั้งอาจจะถูกจำกัดการขายต่อวัน ยกตัวอย่างเช่น ร้านค้ามีอัตราการยกเลิกที่สูง ทางแพลตฟอร์มอาจจะมีเกณฑ์การลงโทษให้ขายได้แค่วันละ 5-10 คำสั่งซื้อเป็นต้น ซึ่งในกรณีบทลงโทษแบบนี้อาจจะทำให้เสียโอกาสในการขายและทำให้ยอดขายตกก็เป็นได้
เพราะฉะนั้น ถ้าคุณคิดว่าไม่ควรที่จะเสี่ยงกับปัญหาเหล่านี้ การมีผู้ช่วยหรือใช้บริการ Fulfillment เข้ามาจัดการในเรื่องหลังบ้านจึงเป็นอีกทางเลือกนึงเพราะจะช่วยให้คุณไม่ต้องมาวุ่นวายกับการจัดการเรื่องออเดอร์ การแพ็กสินค้า,การจัดส่งสินค้า และจะช่วยแบ่งเบาภาระให้คุณมีเวลาไปมุ่งเน้นการทำการตลาด จัดโปรโมชั่นได้อย่างเต็มที่ หรือมีเวลาไปตอบคำถามลูกค้าทางแชทได้อย่างหมดห่วง
ที่ MyCloud Fulfillment เราคือคลังสินค้าออนไลน์แบบครบวงจรที่จะช่วยให้เรื่องการขายออนไลน์เป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพราะเรามีทั้งบริการ การจัดการออเดอร์ (เก็บ แพ็ก ส่ง) ด้วยระบบการจัดการออเดอร์ OMS (Order Management System) และมีทีมงานมืออาชีพที่คอยจัดการให้ตลอด 24 ชั่วโมง ช่วงไหนที่คุณขายดีมากๆแล้วมีออเดอร์เยอะเพิ่มขึ้นมาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ที่ MyCloud เราสามารถจัดการออเดอร์ส่งทันตามรอบ SLA ของแพลตฟอร์ม(ช่วยให้คะแนนร้านค้าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี)
มีระบบเชื่อมต่อสำหรับการขายหลายช่องทาง (Omnichannel Management) ที่ร้านค้าออนไลน์สามารถใช้สต๊อกสินค้าเดียวกันขายได้ทุกช่องทาง และอัปเดตข้อมูลทั้งสต๊อกและออเดอร์ได้ทุกๆ 5 นาที (แบบ Real-Time) ทำให้คุณบริหารจัดการทุกช่องทางการขายได้อย่างไม่มีสะดุด และตลอดการใช้บริการที่ MyCloud เรายังมีบริการดูแลร้านค้าโดยทีมงาน Customer Support ที่คอยดูแลให้คำปรึกษา เรื่องการใช้งานของระบบและคอยแก้ไขปัญหาต่างๆที่ลูกค้าพบอีกด้วย อีกทั้งร้านค้าสามารถนำข้อมูลการขายและข้อมูลภาพรวมร้านค้าจาก ระบบสรุปรายงาน เช่น ข้อมูลการขายแต่ละช่องทาง,สต๊อกสินค้าคงคลัง,การจัดส่ง นำไปพัฒนาปรับปรุงร้านค้าให้มียอดขายที่ดียิ่งๆขึ้นไป
ให้การขายออนไลน์ของคุณราบรื่นและเติบโตได้ไม่จำกัด แค่คุณนำสินค้ามาเก็บที่คลัง MyCloud Fulfillment เราจะช่วยจัดการทุกขั้นตอนหลังบ้านให้คุณอย่างมีประสิทธิภาพ ครบจบในที่เดียว เพื่อธุรกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน เริ่มปรึกษาบริการของเราได้ที่นี่ค่ะ