Knowledge Center

แคปชั่นขายของ เด็ดๆ เปลี่ยนจากคนดูมาเป็นลูกค้า

แคปชั่นขายของ

ใครว่าขายของออนไลน์นั้นง่าย? แค่มีสินค้าดีอย่างเดียวคงไม่พอ! การจะมัดใจลูกค้าให้ควักเงินในกระเป๋าออกมานั้น ต้องอาศัยกลยุทธ์การขายที่ช่วยดักลูกค้าเอาไว้ตั้งแต่ช่วงเริ่มโฆษณาโปรโมตสินค้าเลยนั้นก็คือการเขียน “แคปชั่นขายของ” ที่มีประโยคเด็ดๆ โดนๆ ช่วยหยุดนิ้วลูกค้าที่อาจจะไถมือถืออยู่ให้หยุดดูโฆษณาสินค้าของเรา แต่จะเขียนแคปชั่นยังไงให้ปัง ให้คนกดไลค์ กดแชร์ และยอมกดซื้อสินค้าได้จนยอดขายพุ่งกระฉูด? บอกเลยว่าไม่ยาก! ในบทความนี้ MyCloud เรามีเคล็ดลับเด็ดๆพร้อมไอเดียเจ๋งๆในการเขียน “แคปชั่นขายของ” แบบจัดเต็มมาฝากแม่ค้าพ่อค้าออนไลน์กัน รับรองว่าอ่านจบปุ๊บ ยอดขายมาปั๊บแน่นอน!

แคปชั่นขายของ… ทำไมถึงสำคัญ?

1.ช่วยดึงดูดความสนใจ ในยุคที่โซเชียลมีเดียเต็มไปด้วยคอนเทนต์มากมาย การที่ลูกค้าจะหยุดนิ้วอ่านโพสต์ของคุณนั้น แคปชั่นต้องโดน! เปรียบเสมือนแม่เหล็กดึงดูดสายตา ให้ลูกค้าสะดุดกับสินค้าของคุณตั้งแต่แรกเห็น ลองคิดดูว่าถ้าโพสต์ของคุณมีแค่รูปสินค้าสวยๆ แต่ไม่มีแคปชั่น หรือมีแคปชั่นที่อ่านไม่รู้เรื่อง ลูกค้าจะสนใจไหม? ดังนั้น แคปชั่นที่ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้โพสต์ของคุณโดดเด่นและน่าสนใจ

2.แคปชั่นสร้างความน่าเชื่อถือ นอกจากจะดึงดูดความสนใจแล้ว แคปชั่นยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับร้านค้าของคุณได้อีกด้วย การให้ข้อมูลสินค้าที่ชัดเจน ครบถ้วน และตรงไปตรงมา จะช่วยให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจในสินค้าและบริการของคุณ เช่น ถ้าคุณขายเครื่องสำอาง การมีแคปชั่นที่อธิบายส่วนผสม วิธีใช้ และผลลัพธ์ที่ชัดเจน จะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น

แคปชั่นช่วยสร้างการดึงดูดให้คนกดซื้อ

3.แคปชั่นช่วยกระตุ้นยอดขาย แคปชั่นที่เปี่ยมไปด้วยพลัง มีลูกเล่น และสามารถกระตุ้นความต้องการของลูกค้าได้ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้มากขึ้น ลองนึกภาพว่าถ้าคุณมีแคปชั่นที่บอกว่า “สินค้าลดราคาพิเศษเฉพาะวันนี้เท่านั้น!” ลูกค้าจะรู้สึกเร่งด่วนและอยากซื้อสินค้าของคุณมากขึ้น หรือถ้าคุณมีแคปชั่นที่เน้นถึงประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับจากสินค้า เช่น “เสื้อตัวนี้ใส่แล้วผอมเพรียว” ก็จะช่วยกระตุ้นความต้องการของลูกค้าได้

แคปชั่นช่วยกระตุ้นยอดขาย

4.สร้างแบรนด์ แคปชั่นที่เป็นเอกลักษณ์ มีสไตล์ และสื่อถึงตัวตนของแบรนด์ จะช่วยให้ลูกค้าจดจำร้านค้าของคุณได้ในระยะยาว ลองคิดดูว่าถ้าคุณมีแคปชั่นที่ตลก ขี้เล่น หรือมีวลีเด็ดที่คนพูดถึงกัน ก็จะช่วยสร้างเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์ของคุณได้มากขึ้น และทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ของคุณได้ง่ายขึ้น

6 ไอเดียเขียน แคปชั่นขายของ ให้ปังๆมีอะไรบ้าง?

1.แคปชั่นขายของกระตุ้นความเร่งด่วน (FOMO – Fear of Missing Out)

FOMO (Fear of Missing Out) คืออาการ “กลัวตกกระแส” หรือ “กลัวพลาดโอกาส” เป็นความรู้สึกที่ผู้คนไม่อยากพลาดประสบการณ์หรือผลประโยชน์บางอย่างที่คนอื่นได้รับ ทำให้เกิดความกังวลและกระตุ้นให้ตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสนั้นไป “ถ้าไม่ซื้อตอนนี้ จะพลาดโอกาสดีๆ ไป” ซึ่งเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ได้ผล เพราะมนุษย์มักจะไม่อยากพลาดสิ่งที่คนอื่นมีหรือได้ แต่อย่าใช้ FOMO มากเกินไป เพราะอาจทำให้ลูกค้ารู้สึกเบื่อหน่ายและไม่เชื่อถือและต้องมีความจริงใจ สินค้าหรือโปรโมชั่นของคุณต้องดีจริง ไม่ใช่แค่สร้าง FOMO เพื่อหลอกลวงลูกค้า

แคปชั่นขายของกระตุ้นความเร่งด่วน (FOMO - Fear of Missing Out)
  • สินค้ารุ่น Limited Edition! เหลือเพียง 10 ชิ้นสุดท้ายเท่านั้น! (กระตุ้นความรู้สึกเร่งด่วน เพราะสินค้ามีจำนวนจำกัด)
  • โปรโมชั่นพิเศษเฉพาะวันนี้! ซื้อ 1 แถม 1! อย่ารอช้า! (กระตุ้นความรู้สึกเสียดาย ถ้าพลาดโปรโมชั่นนี้)
  • รีวิวจากผู้ใช้จริง! สินค้านี้ดีมาก! คนใช้กันทั่วบ้านทั่วเมือง! คุณล่ะมีหรือยัง? (กระตุ้นความรู้สึกอยากมี อยากใช้ เหมือนคนอื่น)
  • อย่ารอจนหมด! สินค้านี้ขายดีมาก! สั่งซื้อตอนนี้เลย!(กระตุ้นความรู้สึกกลัวสินค้าหมด)
  • เพื่อนๆ ซื้อกันเพียบ! คุณไม่อยากตกเทรนด์ใช่ไหม?” (กระตุ้นความรู้สึกอยากมีส่วนร่วมในกระแส)

เคล็ดลับการใช้แคปชั่น FOMO

FOMO (Fear of Missing Out) คืออาการ "กลัวตกกระแส" หรือ "กลัวพลาดโอกาส" เป็นความรู้สึกที่ผู้คนไม่อยากพลาดประสบการณ์หรือผลประโยชน์บางอย่างที่คนอื่นได้รับ ทำให้เกิดความกังวลและกระตุ้นให้ตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสนั้นไป "ถ้าไม่ซื้อตอนนี้ จะพลาดโอกาสดีๆ ไป" ซึ่งเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ได้ผล เพราะมนุษย์มักจะไม่อยากพลาดสิ่งที่คนอื่นมีหรือได้ แต่อย่าใช้ FOMO มากเกินไป เพราะอาจทำให้ลูกค้ารู้สึกเบื่อหน่ายและไม่เชื่อถือและต้องมีความจริงใจ สินค้าหรือโปรโมชั่นของคุณต้องดีจริง ไม่ใช่แค่สร้าง FOMO เพื่อหลอกลวงลูกค้า
  • สร้างความรู้สึกเร่งด่วน: ใช้คำเช่น “ด่วน!”, “วันนี้เท่านั้น!”, “จำนวนจำกัด!
  • เน้นจำนวนจำกัด: บอกจำนวนสินค้าที่เหลือ หรือระยะเวลาโปรโมชั่นที่จำกัด
  • ใช้คำที่ดึงดูด: เช่น “พิเศษ”, “สุดคุ้ม”, “ห้ามพลาด”
  • สร้างความรู้สึกว่าพลาดไม่ได้: เช่น “ถ้าไม่ซื้อตอนนี้ จะเสียใจ”
  • ใช้ Social Proof: อ้างอิงถึงจำนวนคนที่ซื้อ หรือรีวิวจากผู้ใช้จริง

2. แคปชั่นขายของเน้นความคุ้มค่า (ของแถม/โปรโมชัน/ลดราคา)

แคปชั่นเน้นความคุ้มค่า เป็นแคปชั่นที่เน้นย้ำถึงข้อเสนอพิเศษต่างๆ ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากการซื้อสินค้า ไม่ว่าจะเป็นของแถม โปรโมชั่น หรือส่วนลดต่างๆ โดยมีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นยอดขาย ดึงดูดลูกค้า และสร้างความรู้สึกอยากซื้อ หลักการสำคัญคือการสื่อสารให้ลูกค้าเห็นอย่างชัดเจนว่าพวกเขาจะได้อะไรเพิ่มขึ้นบ้าง เช่น

แคปชั่นขายของเน้นความคุ้มค่า (ของแถม/โปรโมชัน/ลดราคา)
  • ของแถม: “ซื้อ 1 แถม 1” , “แถมฟรี! กระเป๋าสุดชิค มูลค่า 500 บาท”
  • โปรโมชั่น: “ลดราคา 50% ทุกชิ้น” , “ส่งฟรีทั่วประเทศ” , “ซื้อครบ 1,000 บาท รับส่วนลด 200 บาท”
  • ลดราคา: “ลดกระหน่ำ! สินค้าราคาพิเศษ” , “ลดล้างสต็อก! ราคาถูกที่สุดในรอบปี”

ตัวอย่างแคปชั่นเน้นความคุ้มค่า

  • โปรแรงแซงทางโค้ง! ซื้อคู่ถูกกว่า! ซื้อเสื้อ + กางเกง รับส่วนลดทันที 100 บาท!
  • เซ็ตสุดคุ้ม! ซื้อครีมบำรุงผิวหน้า รับฟรี! เซรั่มบำรุงผิว มูลค่า 1,000 บาท!
  • ฉลองครบรอบ 1 ปี! ลดราคาสินค้าทั้งร้าน 30%! เฉพาะ 3 วันนี้เท่านั้น!
  • ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ซื้อ 2 แถม 1 เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ

เคล็ดลับการเขียนแคปชั่นเน้นความคุ้มค่า

  • ใช้ตัวเลข: เช่น “ลด 50%” , “ซื้อ 1 แถม 1” ช่วยให้เห็นภาพชัดเจน
  • เน้นย้ำความพิเศษ: เช่น “เฉพาะวันนี้เท่านั้น” , “จำนวนจำกัด”
  • ใช้คำกระตุ้น: เช่น “รีบเลย!” , “อย่าพลาด!” , “ช้าหมดอด!”
  • สื่อสารให้ชัดเจน: ลูกค้าต้องเข้าใจง่ายๆ ว่าได้อะไรบ้าง

แคปชั่นเน้นความคุ้มค่า ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่า “คุ้ม” ที่จะซื้อสินค้าของคุณ และตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น

3.แคปชั่นขายของกระตุ้นอารมณ์และความรู้สึก (Emotional Selling)

แคปชั่นกระตุ้นอารมณ์และความรู้สึก (Emotional Selling) คือการใช้ภาษาที่เข้าถึงอารมณ์ของลูกค้า เพื่อสร้างความรู้สึกเชื่อมโยงกับสินค้าหรือแบรนด์ของคุณ ช่วยสร้างความผูกพันระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ ทำให้ลูกค้ารู้สึกใกล้ชิด และจดจำแบรนด์ของคุณได้มากขึ้น โดยอาจใช้ การเล่าเรื่องราวที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกอิน เห็นอกเห็นใจ หรือมีอารมณ์ร่วม,คำพูดที่กินใจ ที่สวยงาม สร้างแรงบันดาลใจ หรือปลุกความรู้สึกบางอย่าง หรือหากเน้นที่ภาพลักษณ์ก็อาจจะใช้รูปภาพหรือวิดีโอที่สื่ออารมณ์ เช่น ความสุข ความอบอุ่น ความประทับใจ

Emotional Selling

ตัวอย่างแคปชั่นกระตุ้นอารมณ์และความรู้สึก

  • ของขวัญแทนใจ บอกรักแม่ด้วยช่อดอกไม้ ส่งตรงถึงบ้าน (เน้นความรัก ความอบอุ่น)
  • เริ่มต้นเช้าวันใหม่ ด้วยกาแฟหอมกรุ่น เติมพลังให้พร้อมลุย! (เน้นความสดชื่น ความกระปรี้กระเปร่า)
  • อย่ายอมแพ้! ลุกขึ้นสู้ พิชิตเป้าหมายของคุณให้สำเร็จ! (เน้นแรงบันดาลใจ ความมุ่งมั่น)
  • เพราะลูกน้อยคือหัวใจของแม่ เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก ด้วยผลิตภัณฑ์ของเรา (เน้นความรัก ความห่วงใย)
  • ส่งต่อรอยยิ้ม แบ่งปันความสุข ด้วยขนมอร่อยๆ (เน้นความสุข ความรื่นเริง)

เคล็ดลับการเขียนแคปชั่นกระตุ้นอารมณ์

  • เข้าใจกลุ่มเป้าหมาย: ต้องรู้ว่าลูกค้าของคุณเป็นใคร มีไลฟ์สไตล์ ความสนใจ และความต้องการอย่างไร
  • เลือกใช้ภาษาที่เหมาะสม: ใช้ภาษาที่เข้าถึงง่าย ตรงไปตรงมา และสื่อสารอารมณ์ได้อย่างชัดเจน
  • ใช้ Storytelling: เล่าเรื่องราวที่น่าสนใจ สร้างความประทับใจ และเชื่อมโยงกับสินค้าของคุณ
  • ใช้ภาพที่สื่ออารมณ์: ภาพสวยๆ ช่วยเสริมพลังให้กับแคปชั่นของคุณ

4. แคปชั่นขายของที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษ (Exclusive / VIP Deals)

แคปชั่นที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษ (Exclusive / VIP Deals) คือ แคปชั่นที่มอบสิทธิพิเศษหรือข้อเสนอสุดเอ็กซ์คลูซีฟให้กับลูกค้ากลุ่มเฉพาะ เช่น สมาชิก VIP, ลูกค้าที่ติดตามเพจ, หรือลูกค้าที่ซื้อสินค้าเป็นประจำ โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างความรู้สึกพิเศษ ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าตัวเองมีค่า เป็นคนสำคัญ และได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความภักดีต่อแบรนด์ และกระตุ้นยอดขายได้

Exclusive / VIP Deals

ตัวอย่างแคปชั่น

  • สำหรับลูกค้า VIP เท่านั้น! รับส่วนลด 15% เพียงแสดงบัตรสมาชิก
  • ขอบคุณที่ติดตามเรามาตลอด! ลูกค้าที่กดไลค์และแชร์โพสต์นี้ รับฟรี! บัตรกำนัลส่วนลด 100 บาท

5.แคปชั่นขายของที่ช่วยปิดการขายแบบเนียนๆ

แคปชั่นที่ช่วยปิดการขายแบบเนียนๆ คือ กลยุทธ์การใช้ภาษาที่เชิญชวนลูกค้าให้ซื้อสินค้าโดยไม่รู้สึกถูกกดดันหรือยัดเยียดขาย เปรียบเสมือนการ “สะกิด” เบาๆ ให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกอยากเป็นเจ้าของสินค้าขึ้นมา

แคปชั่นขายของช่วยปิดการขายได้เนียนๆ

เทคนิคการเขียนแคปชั่นปิดการขายแบบเนียนๆ

  • การตั้งคำถาม: กระตุ้นให้ลูกค้าคิดและตอบคำถามในใจ เช่น “อยากมีผิวสวยใส ไร้สิว แบบนี้บ้างไหม?” , “พร้อมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ แล้วหรือยัง?”
  • การสร้างสถานการณ์สมมติ: ให้ลูกค้าจินตนาการถึงประโยชน์หรือความรู้สึกที่จะได้รับจากการใช้สินค้า เช่น “ลองนึกภาพ… คุณกำลังพักผ่อนริมชายหาด พร้อมจิบเครื่องดื่มเย็นๆ สวมใส่ชุดว่ายน้ำตัวใหม่จากร้านเรา ฟินแค่ไหน?”
  • การใช้คำพูดเชิงบวก: สร้างความรู้สึกที่ดี เช่น “รับรองว่าคุณจะต้องหลงรัก” , “สินค้าคุณภาพดี ราคาคุ้มค่า พลาดไม่ได้แล้ว!”
  • การบอกใบ้ถึงข้อจำกัด: เช่น “สินค้ามีจำนวนจำกัด” , “โปรโมชั่นเฉพาะวันนี้เท่านั้น” เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจเร็วขึ้น
  • การใช้ Call to action แบบอ้อมๆ: เช่น “ทักแชทมาสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลย” , “ดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่าง”

ตัวอย่างแคปชั่นปิดการขายแบบเนียนๆ

  • อยากเปลี่ยนลุคให้สวยปัง รับปีใหม่นี้ไหม? ชุดเดรสคอลเลคชั่นใหม่ รอคุณอยู่นะ
  • ยามบ่ายแบบนี้ ต้องคู่กับกาแฟหอมกรุ่น แก้วโปรด แล้วคุณล่ะ พร้อมดื่มด่ำกับช่วงเวลาดีๆ แล้วหรือยัง?
  • เซอร์ไพรส์คนที่คุณรัก ด้วยของขวัญสุดพิเศษ ที่เขาจะต้องประทับใจ สินค้าพร้อมส่ง ทักแชทเลย!
  • เติมสีสันให้ชีวิต ด้วยเคสมือถือดีไซน์เก๋ ไม่ซ้ำใคร มีให้เลือกหลากหลายแบบ ตามสไตล์คุณ
  • หน้าร้อนนี้ ต้องมีไอเทมนี้! หมวกปีกกว้าง กันแดด ช่วยปกป้องผิว พร้อมเพิ่มความชิค ให้กับทุกทริป

6.แคปชั่นขายของแบบคำถาม กระตุ้นให้ลูกค้าตอบกลับ

แคปชั่นแบบคำถาม คือกลยุทธ์การใช้คำถามเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า กระตุ้นให้พวกเขาเกิดความอยากมีส่วนร่วม และตอบกลับโพสต์ของคุณ ซึ่งเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า เพิ่ม Engagement และทำให้โพสต์ของคุณเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น

แคปชั่นขายของแบบคำถาม กระตุ้นให้ลูกค้าตอบกลับ

คำถามที่ใช้ควรมีความเกี่ยวข้องกับสินค้า แบรนด์ หรือไลฟ์สไตล์ของลูกค้า เพื่อให้พวกเขาสามารถตอบได้อย่างง่ายดายและรู้สึกว่าคำถามนั้นตรงใจพวกเขา

หลักการเขียนแคปชั่นแบบคำถาม

  • ตั้งคำถามที่ง่ายและตรงไปตรงมา: หลีกเลี่ยงคำถามที่ซับซ้อนหรือต้องใช้ความคิดนาน ควรเป็นคำถามที่ลูกค้าสามารถตอบได้ทันที
  • เชื่อมโยงกับสินค้าหรือแบรนด์: คำถามควรเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือแบรนด์ของคุณ เพื่อให้ลูกค้าสนใจและอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติม
  • กระตุ้นความรู้สึกอยากมีส่วนร่วม: ใช้คำถามที่กระตุ้นให้ลูกค้าอยากแสดงความคิดเห็นหรือแชร์ประสบการณ์ของตนเอง
  • สร้างบรรยากาศที่เป็นกันเอง: ใช้ภาษาที่เป็นมิตรและเข้าถึงง่าย เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกสบายใจที่จะตอบคำถาม

ตัวอย่างแคปชั่นแบบคำถาม

ตัวอย่างแคปชั่นแบบคำถาม
  • เกี่ยวกับสินค้า:
    • ชอบสีไหนมากกว่ากัน? แดง หรือ น้ำเงิน
    • “ใครเคยใช้สินค้าตัวนี้แล้วบ้าง? รีวิวให้ฟังหน่อย!
    • “อยากได้กระเป๋าแบบไหน? สะพายข้าง หรือ เป้
  • เกี่ยวกับแบรนด์:
    • “รู้จักแบรนด์ของเรามานานแค่ไหนแล้ว?
    • “ชอบสินค้าชิ้นไหนของแบรนด์เรามากที่สุด?
    • “อยากให้แบรนด์เรามีสินค้าอะไรเพิ่มอีกบ้าง?
  • เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์:
    • “วันหยุดนี้มีแพลนไปเที่ยวที่ไหนกันบ้าง?
    • “ใครเป็นสายกินบ้าง? ชอบอาหารประเภทไหน?
    • “ใครเลี้ยงสัตว์บ้าง? โชว์ภาพน้องหมาน้องแมวหน่อย!

เคล็ดลับเพิ่มเติม

  • ใช้ Emoji: ช่วยให้แคปชั่นดูน่าสนใจและมีชีวิตชีวามากขึ้น
  • ตั้งคำถามปลายเปิด: กระตุ้นให้ลูกค้าแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ
  • ตอบกลับความคิดเห็น: สร้างความรู้สึกว่าคุณใส่ใจและให้ความสำคัญกับลูกค้า

แคปชั่นแบบคำถาม เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า เพิ่มการมีส่วนร่วม และทำให้โพสต์ของคุณเป็นที่น่าจดจำ ลองนำไปปรับใช้กับโพสต์ของคุณดูนะคะ!

สรุปบทความ

ร้านค้าออนไลน์ให้ความสำคัญกับเรื่องออเดอร์

นอกจากสินค้าดี แคปชั่นโดน เปลี่ยนจากคนดูมาเป็นคนซื้อได้แล้ว สิ่งที่สำคัญที่ร้านค้าออนไลน์ต้องให้ความสำคัญคงไม่พ้นเรื่องออเดอร์ที่เกิดขึ้น เพราะไม่ว่าคุณจะมีร้านค้าออนไลน์อยู่ช่องทางไหน การที่สินค้าถูกจัดการและจัดส่งถึงมือลูกค้าได้นั่นถือว่าเป็นสิ่งที่ยอดขานจะตามมาอย่างแน่นอน เพราะหากขายดีแล้วแต่ไม่สามารถจัดการออเดอร์ได้ทันแน่นอนว่า ปัญหาต่างๆเช่น ออเดอร์ถูกยกเลิกจาก Marketplace หรือส่งช้าเกินไปลูกค้าขอยกเลิกเอง นั่นคงเป็นสิ่งที่ร้านค้าออนไลน์หลายๆร้านไม่อยากให้เกิดขึ้นใช่มั้ยละค่ะ และหากเป็นอย่างนั้นละก็เราแนะนำให้คุณหาพาร์ทเนอร์ที่จะช่วยให้คุณจัดการเรื่องออเดอร์จะดีกว่าค่ะ ที่ MyCloud Fulfillment คลังสินค้าออนไลน์ที่ครบวรจร ไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณจัดการออเดอร์ได้เร็ว ส่งทันตามรอบแต่ละมาเกตเพลสแล้วนั้น เรายังมีระบบการจัดการออเดอร์รองรับร้านค้าออนไลน์ที่ขายอยู่หลายช่องทางอีกด้วย ซึ่งต้องบอกว่า ขายออนไลน์ยุคนี้ทำเรื่องหน้าบ้านให้แข็งแรงอย่าง เรื่องการทำการตลาด,การยิง Ads,หรือแม้การทำแคปชั่นขายของแบบโดนๆให้ได้ใจลูกค้าและยอมกดซื้อแล้ว เรื่องหลังบ้านก็ต้องสำคัญด้วยเช่นกัน เพราะถ้าอย่างใดอย่างนึงพัง คุณอาจตามไม่ทันคู่แข็งก็ได้นะคะ

OMS

MyCloud Fufillment คลังสินค้าออนไลน์ที่พร้อมรองรับทุกการเติบโตของทุกขนาดธุรกิจ ด้วยบริการที่ครบวงจรตั้ง เก็บสินค้า แพ็กสินค้า จัดส่งสินค้า ระบบการเชื่อมต่อช่องทางการขายหลายๆช่องทางทั้ง Marketplace (Shopee,Lazada,TikTok Shop,Line Shopping) อีกทั้งหากคุณเป็นคนที่เน้นขายออนไลน์ทาง Social Commerce อย่าง Facebook,Instageam หรือทาง Line OA เมื่อทำโพสต์โฆษณาเด็ดๆ แคปชั่นโดนๆ แล้วลากลูกค้าเข้ามายังแชทพูดคุยจนถึงขั้นตอนปิดจบการขายได้แล้วเรายังมีฟีเจอร์ Chat Commerce ลิงก์ชำระเงินที่ช่วยให้การจ่ายเงินของลูกค้าผ่านทางแชทนั้นง่ายยิ่งขึ้นไปอีก

คลังสินค้าออนไลน์ MyCloud Fulfillment

เพราะไม่เพียงแต่จะทำให้สะดวกต่อลูกค้า ร้านค้าเองก็ตรวจสอบยอดเงินเข้าได้ทันที อีกทั้งออเดอร์ที่ถูกสร้างขึ้นจากลิงก์นั้นๆ ก็จะถูกส่งไปที่ระบบคลังสินค้าของ MyCloud เพื่อทำการแพ็คและจัดส่งได้ทันที ร้านค้าก็ไม่ต้องเสียเวลามานั่งคีย์ออเดอร์ย้อนหลังและป้องกันปัญหาออดอร์หลุดอีกด้วย ช่วยให้คุณขายได้อย่างราบรื่นไม่ติดปัญหา และไม่ต้องมาวุ่นวายเรื่องการจัดการระบบและการจัดการหลังบ้าน มีเวลาไปทำการตลาด คิดแคปชั่นขายของที่เด็ดๆเพื่อเพิ่มยอดขายได้อย่างสบายๆ สามารถติดต่อ MyCloud Fulfillment เพื่อสอบถามบริการได้เลยค่ะ

บทความที่เกี่ยวข้อง

อ่านเพิ่มเติม

Sale Page (เซลเพจ) ปิดการขายได้ง่าย จ่ายค่าธรรมเนียมได้ถูกลง

สำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของออนไลน์ทาง Marketplace อย่าง Lazada, Shopee, หรือ TikTok Shop คุณอาจจะเคยได้ยินคำว่า “Sale Page” ผ่านหูผ่านตามาบ้าง แต่ยังไม่เข้าใจแน่ชัดว่าเซลเพจ คืออะไร และมีประโยชน์ต่อธุรกิจของคุณอย่างไร ในบทความนี้ เราจะมาอธิบายให้คุณเข้าใจถึงความสำคัญของ เซลเพจ และเหตุผลว่าทำไมเมื่อคุณมีช่องทางการขายทาง Marketplace อยู่แล้วคุณถึงควรเริ่มใช้เซลเพจเพื่อขยายธุรกิจของคุณไปอีกขั้นกันค่ะ Sale Page คืออะไร? คือหน้าเว็บไซต์ที่ถูกออกแบบมาเฉพาะเพื่อขายสินค้า โดยเน้นให้ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับสินค้าและข้อเสนอที่ดึงดูดใจ เช่น ส่วนลด โปรโมชั่นพิเศษ หรือสินค้ารุ่นใหม่ และที่สำคัญหน้าเซลเพจยังสามารถปรับแต่ง Banner ให้เข้ากับแบรนด์ของคุณได้ทั้งหมด ทั้งภาพ สี และข้อความ เพื่อสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่น่าประทับใจและกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้าง่ายขึ้น ในด้านการทำการตลาดออนไลน์ เซลเพจ เป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มอัตราการแปลง (Conversion Rate) ได้สูง เพราะการเน้นให้ลูกค้าเห็นเฉพาะข้อมูลสินค้าและข้อเสนอสำคัญ ทำให้ลดสิ่งที่อาจจะเบี่ยงเบนความสนใจของลูกค้าออกไป ช่วยให้การปิดการขายง่ายและเร็วขึ้น ขายผ่าน Sale Page ดีกว่าขาย Marketplace ยังไง? 1.ลดค่าธรรมเนียมจากแพลตฟอร์ม Marketplace การขายสินค้าทาง […]

รักษาฐานลูกค้าเก่าอย่างไร ให้อยู่กับเรานานๆ ?

รักษาฐานลูกค้าเก่าอย่างไร ให้อยู่กับเรานานๆ ? เค้าว่ากันว่า… หาลูกค้าใหม่ว่ายากแล้ว แต่การรักษาลูกค้าเก่าให้อยู่กับเรานานๆ ยากยิ่งกว่า!! ถึงแม้คุณจะหาลูกค้าใหม่ได้มากมายขนาดไหน แต่ถ้ารักษาลูกค้าไม่เป็น ธุรกิจก็อาจจะพังได้นะครับ เพราะมีผลวิจัยจาก Harvard Business School พบว่า การเพิ่มขึ้นของอัตราการรักษาลูกค้าเก่า 5% จะเพิ่มผลกำไรให้กับธุรกิจถึง 25-95% เลยทีเดียว เห็นถึงความสำคัญและพลังของลูกค้าเก่ากันแล้วใช่ไหมครับ? แล้วแบบนี้เราจะไม่หาวิธีมัดใจกลุ่มคนเหล่านี้หน่อยหรอ?? วันนี้แอดเลยขอนำเทคนิคเด็ดๆ มาฝากทุกคนครับ เพื่อนๆ สามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจได้เลย 😉 1.คุณภาพดีเหมือนเดิม รักษาคุณภาพสินค้าและบริการของคุณ ให้เหมือนเกลือที่รักษาความเค็ม ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่คุณภาพต้องดีเสมอต้นเสมอปลาย เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากครับ ถ้าลูกค้าเจออะไรที่มันผิดไปจากเดิมนิดหนึ่ง เขาก็อาจจะไปหาแบรนด์ใหม่ที่ดีกว่าก็ได้ 2.ใส่ใจลูกค้าสม่ำเสมอ อย่าเป็นร้านค้าที่ซื้อขายกันเสร็จแล้วก็จบไป อย่าเป็นร้านค้าที่เอาแต่จะขายของ อย่าเป็นร้านค้าที่หวังแต่ผลกำไรอย่างเดียว แต่จงเอาใจใส่ลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ คอยติดตามสอบถาม Feedback จากลูกค้าด้วย รับฟังทุกเสียงคำติชม ทั้งดีและไม่ดี แล้วนำไปปรับปรุง 3.มอบสิทธิพิเศษเหนือใคร ใครๆ ก็อยากเป็นคนสำคัญ ใครๆ ก็อยากได้สิทธิพิเศษกันทั้งนั้น! เวลาที่คุณคิดจะจัดโปร อย่าลืมนึกถึงลูกค้าเก่าๆ ด้วยการมอบสิทธิพิเศษ เช่น […]

Sale Page (เซลเพจ) ปิดการขายได้ง่าย จ่ายค่าธรรมเนียมได้ถูกลง

สำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของออนไลน์ทาง Marketplace อย่าง Lazada, Shopee, หรือ TikTok Shop คุณอาจจะเคยได้ยินคำว่า “Sale Page” ผ่านหูผ่านตามาบ้าง แต่ยังไม่เข้าใจแน่ชัดว่าเซลเพจ คืออะไร และมีประโยชน์ต่อธุรกิจของคุณอย่างไร ในบทความนี้ เราจะมาอธิบายให้คุณเข้าใจถึงความสำคัญของ เซลเพจ และเหตุผลว่าทำไมเมื่อคุณมีช่องทางการขายทาง Marketplace อยู่แล้วคุณถึงควรเริ่มใช้เซลเพจเพื่อขยายธุรกิจของคุณไปอีกขั้นกันค่ะ Sale Page คืออะไร? คือหน้าเว็บไซต์ที่ถูกออกแบบมาเฉพาะเพื่อขายสินค้า โดยเน้นให้ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับสินค้าและข้อเสนอที่ดึงดูดใจ เช่น ส่วนลด โปรโมชั่นพิเศษ หรือสินค้ารุ่นใหม่ และที่สำคัญหน้าเซลเพจยังสามารถปรับแต่ง Banner ให้เข้ากับแบรนด์ของคุณได้ทั้งหมด ทั้งภาพ สี และข้อความ เพื่อสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่น่าประทับใจและกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้าง่ายขึ้น ในด้านการทำการตลาดออนไลน์ เซลเพจ เป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มอัตราการแปลง (Conversion Rate) ได้สูง เพราะการเน้นให้ลูกค้าเห็นเฉพาะข้อมูลสินค้าและข้อเสนอสำคัญ ทำให้ลดสิ่งที่อาจจะเบี่ยงเบนความสนใจของลูกค้าออกไป ช่วยให้การปิดการขายง่ายและเร็วขึ้น ขายผ่าน Sale Page ดีกว่าขาย Marketplace ยังไง? 1.ลดค่าธรรมเนียมจากแพลตฟอร์ม Marketplace การขายสินค้าทาง […]

รักษาฐานลูกค้าเก่าอย่างไร ให้อยู่กับเรานานๆ ?

รักษาฐานลูกค้าเก่าอย่างไร ให้อยู่กับเรานานๆ ? เค้าว่ากันว่า… หาลูกค้าใหม่ว่ายากแล้ว แต่การรักษาลูกค้าเก่าให้อยู่กับเรานานๆ ยากยิ่งกว่า!! ถึงแม้คุณจะหาลูกค้าใหม่ได้มากมายขนาดไหน แต่ถ้ารักษาลูกค้าไม่เป็น ธุรกิจก็อาจจะพังได้นะครับ เพราะมีผลวิจัยจาก Harvard Business School พบว่า การเพิ่มขึ้นของอัตราการรักษาลูกค้าเก่า 5% จะเพิ่มผลกำไรให้กับธุรกิจถึง 25-95% เลยทีเดียว เห็นถึงความสำคัญและพลังของลูกค้าเก่ากันแล้วใช่ไหมครับ? แล้วแบบนี้เราจะไม่หาวิธีมัดใจกลุ่มคนเหล่านี้หน่อยหรอ?? วันนี้แอดเลยขอนำเทคนิคเด็ดๆ มาฝากทุกคนครับ เพื่อนๆ สามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจได้เลย 😉 1.คุณภาพดีเหมือนเดิม รักษาคุณภาพสินค้าและบริการของคุณ ให้เหมือนเกลือที่รักษาความเค็ม ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่คุณภาพต้องดีเสมอต้นเสมอปลาย เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากครับ ถ้าลูกค้าเจออะไรที่มันผิดไปจากเดิมนิดหนึ่ง เขาก็อาจจะไปหาแบรนด์ใหม่ที่ดีกว่าก็ได้ 2.ใส่ใจลูกค้าสม่ำเสมอ อย่าเป็นร้านค้าที่ซื้อขายกันเสร็จแล้วก็จบไป อย่าเป็นร้านค้าที่เอาแต่จะขายของ อย่าเป็นร้านค้าที่หวังแต่ผลกำไรอย่างเดียว แต่จงเอาใจใส่ลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ คอยติดตามสอบถาม Feedback จากลูกค้าด้วย รับฟังทุกเสียงคำติชม ทั้งดีและไม่ดี แล้วนำไปปรับปรุง 3.มอบสิทธิพิเศษเหนือใคร ใครๆ ก็อยากเป็นคนสำคัญ ใครๆ ก็อยากได้สิทธิพิเศษกันทั้งนั้น! เวลาที่คุณคิดจะจัดโปร อย่าลืมนึกถึงลูกค้าเก่าๆ ด้วยการมอบสิทธิพิเศษ เช่น […]