Knowledge Center

ไลฟ์สดขายของใน TikTok จับกระแสมาแรงในปีนี้ที่หลายแบรนด์ ห้ามพลาด! 

ขายของผ่านการไลฟ์บน TikTok

ปัจจุบันการไลฟ์สดขายของใน TikTok กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในวงการ E-Commerce เพราะนอกจากจะเข้าถึงกลุ่มผู้ชมได้ง่ายแล้ว ยังสร้างยอดขายได้อย่างน่าทึ่งอีกด้วย โดยฟีเจอร์ที่ครบครันและการเติบโตของผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของแอปพลิเคชัน TikTok ทำให้หลายแบรนด์หันมาให้ความสนใจกับการทำ TikTok Live กันมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงปีที่ผ่านมานี้ ด้วยกระแสมาแรงอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถสร้างการมีส่วนร่วมและความสัมพันธ์กับลูกค้าได้แบบ Real-time ส่งผลให้การตัดสินใจซื้อของลูกค้าเป็นไปได้ง่ายมากยิ่งขึ้น 

TikTok Live คืออะไร 

TikTok Live คือฟีเจอร์การถ่ายทอดสดบนแพลตฟอร์ม TikTok ที่ช่วยให้ผู้ขายสามารถสื่อสารกับผู้ชมได้แบบเรียลไทม์ เปิดโอกาสให้ผู้ชมมีส่วนร่วมผ่านการแสดงความคิดเห็น ถาม-ตอบได้ทันที ซึ่งถือเป็นการสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สนุกและน่าสนใจ ปัจจุบันการไลฟ์สดขายของใน TikTok ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะผู้ซื้อสามารถเห็นสินค้าจริง สอบถามรายละเอียดและสั่งซื้อได้ทันทีผ่านหน้าไลฟ์ ทำให้การตัดสินใจซื้อเป็นไปได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น  

อยากไลฟ์สดขายของใน TikTok ต้องทำอย่างไร

การเริ่มต้นไลฟ์สดขายของใน TikTok นั้นไม่ยากอย่างที่คิด เพียงแค่คุณมีคุณสมบัติครบตามเงื่อนไขที่กำหนด และปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง โดยสิ่งสำคัญที่สุด คือการสร้างบัญชี TikTok Shop สำหรับร้านค้าของคุณ จากนั้นลงทะเบียนเป็นผู้ขาย ยืนยันตัวตนและเพิ่มสินค้าเข้าสู่ระบบให้เรียบร้อย เมื่อทำตามขั้นตอนครบถ้วนแล้ว คุณก็สามารถเริ่มไลฟ์สดขายของได้ทันที 

เริ่มไลฟ์สดขายของใน TikTok

เริ่มไลฟ์สดขายของใน TikTok มีเงื่อนไขและข้อกำหนดอะไรบ้าง 

อย่างไรก็ตามก่อนจะเริ่มไลฟ์ขายของ ก็จำเป็นต้องทำความเข้าใจเงื่อนไขและข้อกำหนดต่าง ๆ ก่อน เพื่อป้องกันการถูกระงับบัญชีหรือถูกจำกัดการใช้งานฟีเจอร์ไลฟ์ โดยเราได้สรุปเงื่อนไขและข้อกำหนดมาให้แล้ว ในบทความนี้กัน 

เงื่อนไขการสมัครไลฟ์สดขายของใน TikTok 

สำหรับผู้ที่สนใจอยากไลฟ์สดขายของใน TikTok จำเป็นต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามเงื่อนไขที่กำหนด ดังนี้ 

  • ผู้ใช้งานต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป และต้องไม่มีประวัติอาชญากรรมหรือการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดทางเพศ การทำร้ายร่างกาย การค้ามนุษย์ หรือการแสวงหาประโยชน์จากผู้เยาว์ 
  • บัญชีของคุณจะต้องได้รับการยืนยันตัวตนและมีผู้ติดตามอย่างน้อย 1,000 คน หากมีผู้ติดตามไม่ถึงเกณฑ์ สามารถสมัครเป็น TikTok Shop Seller เพื่อเริ่มไลฟ์สดได้ 

ข้อกำหนดการไลฟ์สดขายของใน TikTok

TikTok มีแนวทางปฏิบัติที่เข้มงวด ทั้งนี้เพื่อรักษามาตรฐานและความปลอดภัยของผู้ใช้งาน โดยมีข้อกำหนด ดังนี้ 

  • ห้ามนำเสนอเนื้อหาที่มีลักษณะทางเพศ เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับผู้เยาว์ในทางที่ไม่เหมาะสม 
  • ห้ามเนื้อหาที่แสดงถึงความรุนแรง การข่มขู่หรือการใช้อาวุธ 
  • ห้ามนำเสนอเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการพนันและการฉ้อโกง 

อย่างไรก็ตาม หากผู้ใช้งานละเมิดข้อกำหนดเหล่านี้ อาจถูกตักเตือน ระงับการไลฟ์หรือปิดบัญชี TikTok ได้

เทคนิคไลฟ์สดขายของใน TikTok ทำอย่างไรให้คนดูเยอะ 

การไลฟ์สดให้ประสบความสำเร็จไม่ใช่แค่การเปิดกล้องและพูดขายสินค้าเท่านั้น แต่ต้องมีกลยุทธ์และเทคนิคที่ดีเพื่อดึงดูดผู้ชมและรักษาความสนใจของพวกเขาไว้ตลอดการไลฟ์ ซึ่งเราได้นำเทคนิคการไลฟ์มาฝากกัน ดังนี้ 

เลือกเวลาการไลฟ์สดขายของใน TikTok 

การเลือกเวลาไลฟ์สดที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้ชม จากสถิติในปี 2024 ที่ผ่านมา ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการไลฟ์สดใน TikTok ได้แก่ 

  • ช่วงเช้า 6:00 – 10:00 น. 
  • ช่วงกลางวัน 12:00 – 14:00 น. 
  • ช่วงเย็น 19:00 – 23:00 น. 

ทั้ง 3 ช่วงเวลานี้ มักเป็นช่วงที่มีผู้ชมออนไลน์เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ ช่วงเที่ยง เวลา 12:00 – 14:00 น. จะเป็นช่วงที่ TikTok Shop มีการแจกโค้ดให้ได้เก็บ เพื่อซื้อสินค้ากันอีกด้วย ทั้งนี้ ควรวิเคราะห์พฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจของคุณ เพื่อหาช่วง Prime Time ที่เหมาะสมกับสินค้าและกลุ่มลูกค้าของคุณ 

วางแผนการไลฟ์สด 

การวางแผนการไลฟ์สดขายของใน TikTok ล่วงหน้าเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การไลฟ์ราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ควรเตรียมเนื้อหา สคริปต์ และลำดับการนำเสนอให้พร้อม รวมถึงตรวจสอบอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น กล้อง ไมโครโฟน แสงไฟและอินเทอร์เน็ตให้พร้อมใช้งาน เพื่อดึงดูดคนที่ผ่านไปผ่านมา อีกหนึ่งสิ่ง คือการจัดฉากหลังให้น่าสนใจและมีแสงสว่างเพียงพอจะช่วยดึงดูดสายตาผู้ชม และทำให้การไลฟ์ดูมืออาชีพมากขึ้นอีกด้วย  

มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าอยู่เสมอ 

คุณตี๋โอ ราชานักไลฟ์ เจ้าของสถิติยอดขายไลฟ์สดที่สูงถึง 22 ล้านบาทจากการไลฟ์เพียงแค่ครั้งเดียวเคยกล่าวไว้ว่า “อย่าอ่อม แม้จะมีคนดูน้อย ต้องไลฟ์ให้เต็มที่ โชว์สปิริต เพราะไม่ได้มีแค่ลูกค้าที่ดู แต่อัลกอริทึมก็วิเคราะห์และมีผลต่อการดึง Traffic เข้ามาด้วย และที่สำคัญอย่าคิดว่าจะไลฟ์อะไรดี แต่ให้คิดว่ากำลังไลฟ์ให้ใครดู เพราะลูกค้าคือ คนที่จะตัดสินใจซื้อจากความสามารถในการขายของเรา” 

ดังนั้น การสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้ชมอยู่สม่ำเสมอจะทำให้การไลฟ์สดเป็นที่น่าสนใจและมีชีวิตชีวามากขึ้น ผู้ขายควรมีการพูดคุย ตอบคำถามและกระตุ้นให้ผู้ชมมีส่วนร่วมผ่านการแสดงความคิดเห็น นอกจากนี้ การสาธิตการใช้งานสินค้า ทดลองใช้สินค้าจริงก็จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและกระตุ้นการตัดสินใจซื้อได้ ทั้งนี้ ต้องอย่าลืมแทรกโปรโมชันพิเศษต่าง ๆ ระหว่างการไลฟ์ เพื่อรักษาความสนใจของผู้ชมและกระตุ้นยอดขายไปในตัวได้อีกด้วย 

ไลฟ์สดขายของ

สรุปบทความ 

การไลฟ์สดขายของใน TikTok เป็นช่องทางการขายที่มีศักยภาพสูงและกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในปี 2024 ด้วยฟีเจอร์ที่ครบครันและการเข้าถึงผู้ชมจำนวนมาก ทำให้เป็นโอกาสทองสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการขยายช่องทางการขาย แต่การจะประสบความสำเร็จในการไลฟ์สดนั้น ต้องอาศัยทั้งการเตรียมตัวที่ดี วางแผนอย่างรอบคอบและสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้ชมอย่างต่อเนื่อง หากทำได้ครบถ้วนตามเทคนิคที่แนะนำ รับรองว่าการไลฟ์สดของคุณจะประสบความสำเร็จ เพิ่มยอดขายได้อย่างแน่นอน  

เมื่อยอดออเดอร์เริ่มเพิ่มขึ้นจากการ Live ขายของ คุณอาจต้องเตรียมพร้อมสำหรับการจัดการคลังสินค้าและการจัดส่งที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น MyCloud มีบริการ Fulfillment Solutions ครบวงจร สามารถเชื่อมต่อ TikTok Shop กับระบบ API ได้โดยตรง ทำให้รับและจัดการออเดอร์ได้อย่างรวดเร็วตาม SLA ที่กำหนด เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าปลายทาง ช่วยให้คุณสามารถมุ่งเน้นไปที่การสร้างคอนเทนต์และการไลฟ์สดได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดการสต็อกสินค้าและการจัดส่งสินค้าอีกต่อไป ช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว 

สนใจศึกษาและลงทะเบียนได้ที่ https://www.mycloudfulfillment.com/quotation 

หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร: 092-472-7742, 02-138-9920

บทความที่เกี่ยวข้อง

อ่านเพิ่มเติม

Omni Channel คืออะไร ช่วยเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจในยุค Disruption ?

ความพึงพอใจและประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าถือเป็นเป้าหมายสำคัญของธุรกิจ ดังนั้นผู้ประกอบการจึงต้องงัดเอากลยุทธ์ต่าง ๆ มาเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า และหัวใจสำคัญที่อยู่ในทุกขั้นตอนของการขาย ตั้งแต่เริ่มต้นทำความรู้จักลูกค้า เพื่อให้ลูกค้ารับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ ไปจนถึงการบริการหลังการขายนั่นก็คือ การติดต่อสื่อสาร ซึ่งในปัจจุบันผู้บริโภคคาดหวังการให้บริการแบบเรียลไทม์ ผ่านช่องทางที่หลากหลาย  ดังนั้นการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าทั้งออนไลน์ และการขายหน้าร้าน หรือที่เรียกว่าออฟไลน์นั้น จึงมีความสำคัญไม่แพ้กัน นี่จึงทำให้เกิดการตลาดแบบผสมผสานที่เรียกว่า Omni Channel Marketing ที่เป็นการผสมผสานทั้งสองช่องทางในการสื่อสารกับลูกค้า เพื่อให้เกิดการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการบันทึกข้อมูลลูกค้าไว้ที่ระบบกลางเพื่อเพิ่มโอกาสทางการขายต่อไป  แล้ว Omni Channel คืออะไร? Omni มาจากรากศัพท์ลาตินว่า Omnibus ซึ่งหมายถึง For All หรือ ทั้งหมด ในแง่ของ E-commerce คำว่า “Omni Channel” คือช่องทางการสื่อสารและบริการลูกค้าที่หลากหลายและเชื่อมโยงกันให้เป็นหนึ่งเดียวทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ ซึ่งช่วยในการเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้าทั้งหมดเอาไว้ เพื่อทำให้การเข้าถึงข้อมูลลูกค้าเป็นไปได้ง่าย รวดเร็วและไร้รอยต่อ เรียกได้ว่าเป็นการรวมการตลาดจากทุกช่องทาง ช่วยดึงลูกค้าจากร้านค้าไปปิดการขายในช่องทางออนไลน์ หรือลูกค้าจากหน้าร้านให้ไปทำการซื้อ-ขายกันในช่องทางออนไลน์ได้เช่นกัน  ถือเป็นการหยิบยื่นประสบการณ์การซื้อสินค้าของลูกค้าได้เป็นอย่างดี เพิ่มความสะดวกให้สามารถเข้าถึงการซื้อขายได้อย่างครอบคลุม โดยในปัจจุบันช่องทางการสื่อสารออนไลน์ที่เป็นที่นิยม ได้แก่ Email Direct Marketing, Website, […]

5 ข้อดีของการเปิดหน้าร้าน – MyCloudFulfillment

ในยุคที่ใครๆ ก็ขายของออนไลน์ การมีหน้าร้าน ยังจำเป็นอยู่ไหม? ถ้าเปิดแล้วจะช่วยให้ขายดีขึ้นหรือเปล่า? คุณต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า… ลูกค้าจะมาจากหน้าร้านมากน้อยแค่ไหน? แล้วแบรนด์คุณจำเป็นต้องมีหน้าร้านไหม? ถ้าจำเป็น… ก็เปิด ถ้ายังไม่จำเป็น… ก็อย่าเพิ่งเปิดครับ แต่ถ้าถามผมว่า มีหน้าร้านแล้วมันดีไหม? แน่นอนมันต้องมีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่แล้ว ถ้าตัดเรื่องค่าเช่าที่ หรือค่าจ้างพนักงานออกไป ก็มีข้อดีเยอะแยะเลยครับ เท่าที่ผมคิดออกมี 5 ข้อ ลองอ่านแล้วเอาไปตัดสินใจกันดูนะครับ 1.ลูกค้ากล้าซื้อ มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นจุดแข็งของออฟไลน์ที่ร้านค้าออนไลน์ก็ยังทดแทนตรงนี้ไม่ได้การขายของแบบไม่เห็นหน้ากันมันจะมีความไม่สบายใจลูกค้าก็จะมีคำถามในใจว่า “จะโดนโกงไหมนะ” ฝั่งพ่อค้าแม่ค้าก็จะหงุดหงิดว่า “เมื่อไหร่จะโอน” แต่ถ้าเรามีหน้าร้าน ก็ตัดปัญหาตรงนี้ไปได้เลยครับลูกค้าจะรู้สึกว่า สามารถติดต่อเราได้ตลอดเวลาเราจะไม่หนีหายไป เพราะเราสามารถสร้างความน่าเชื่อถือได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ลูกค้าสามารถติดต่อเราได้ทุกที่ทุกเวลา  2.ได้ลองสินค้าจริง ตัดสินใจซื้อง่าย ผู้บริโภคยังมีความคิดที่ว่า ไม่เห็นไม่ซื้อถึงแม้จะเห็นรูปสินค้าออนไลน์อยู่ตรงหน้า แต่ก็ยังต้องการประสบการณ์ตรงกับตัวสินค้า เช่น สัมผัส มองเห็น ดมกลิ่น ได้ทดลองสินค้าจริงๆ ถ้าคุณขายของประเภทเสื้อผ้า หรือความสวยความงาม เช่น เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว น้ำหอม ฯลฯ การเปิดหน้าร้านก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น เร็วขึ้นด้วยนะครับ คุณอาจจะโปรโมทจากช่องทางออนไลน์ของร้านคุณว่ามีโปรโมชั่นนี้ที่หน้าร้าน เพื่อดึงดูดให้คนมาที่ร้านก็ได้ก็เป็นการเชื่อมออฟไลน์กับออนไลน์เข้าไว้ด้วยกัน 3.รู้ความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า […]

การทำธุรกิจแบบ B2C B2B และ B2B2C ต่างกันยังไง?

การทำธุรกิจแบบ B2C B2B และ B2B2C ปัจจุบันนี้ธุรกิจส่วนใหญ่นั้นมักจะเจาะกลุ่มตลาดออนไลน์ และให้ความสำคัญกับธุรกิจ E-commerce มากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนรูปแบบในการทำธุรกิจ จากเดิมที่มักจะเห็นธุรกิจแบบ B2C จนชินตา เปลี่ยนมาเป็น ธุรกิจแบบ B2B และ B2B2C เรามาทำความรู้จักธุรกิจทั้งสามแบบ ว่าคืออะไร เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ? กันดีกว่าครับ        B2C คืออะไร B2C หรือ Business-to-Customer คือธุรกิจที่ขายสินค้าหรือบริการระหว่างเจ้าของธุรกิจ(B) และผู้บริโภครายบุคคล(C) เป็นประเภทธุรกิจ E-commerce ที่มีความสัมพันธ์ระยะสั้นระหว่างเจ้าของธุรกิจและผู้ซื้อโดยตรง ซึ่งปัจจุบันธุรกิจประเภทนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างมาก เนื่องจากมีการเข้าถึงระบบออนไลน์ และเว็บไซต์ได้ง่าย ตัวอย่างธุรกิจ B2C ได้แก่ประเภทสินค้า เช่น อาหาร, เสื้อผ้า และ ประเภทบริการ เช่น สายการบิน, โรงแรม เป็นต้น B2B คืออะไร B2B หรือ Business-to-Business คือการทำการค้าระหว่างธุรกิจทำกับธุรกิจด้วยกัน โดยมีจุดประสงค์เพื่อ ตอบสนองความต้องการทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นด้านวัตถุดิบ การผลิตสินค้า […]

Omni Channel คืออะไร ช่วยเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจในยุค Disruption ?

ความพึงพอใจและประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าถือเป็นเป้าหมายสำคัญของธุรกิจ ดังนั้นผู้ประกอบการจึงต้องงัดเอากลยุทธ์ต่าง ๆ มาเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า และหัวใจสำคัญที่อยู่ในทุกขั้นตอนของการขาย ตั้งแต่เริ่มต้นทำความรู้จักลูกค้า เพื่อให้ลูกค้ารับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ ไปจนถึงการบริการหลังการขายนั่นก็คือ การติดต่อสื่อสาร ซึ่งในปัจจุบันผู้บริโภคคาดหวังการให้บริการแบบเรียลไทม์ ผ่านช่องทางที่หลากหลาย  ดังนั้นการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าทั้งออนไลน์ และการขายหน้าร้าน หรือที่เรียกว่าออฟไลน์นั้น จึงมีความสำคัญไม่แพ้กัน นี่จึงทำให้เกิดการตลาดแบบผสมผสานที่เรียกว่า Omni Channel Marketing ที่เป็นการผสมผสานทั้งสองช่องทางในการสื่อสารกับลูกค้า เพื่อให้เกิดการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการบันทึกข้อมูลลูกค้าไว้ที่ระบบกลางเพื่อเพิ่มโอกาสทางการขายต่อไป  แล้ว Omni Channel คืออะไร? Omni มาจากรากศัพท์ลาตินว่า Omnibus ซึ่งหมายถึง For All หรือ ทั้งหมด ในแง่ของ E-commerce คำว่า “Omni Channel” คือช่องทางการสื่อสารและบริการลูกค้าที่หลากหลายและเชื่อมโยงกันให้เป็นหนึ่งเดียวทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ ซึ่งช่วยในการเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้าทั้งหมดเอาไว้ เพื่อทำให้การเข้าถึงข้อมูลลูกค้าเป็นไปได้ง่าย รวดเร็วและไร้รอยต่อ เรียกได้ว่าเป็นการรวมการตลาดจากทุกช่องทาง ช่วยดึงลูกค้าจากร้านค้าไปปิดการขายในช่องทางออนไลน์ หรือลูกค้าจากหน้าร้านให้ไปทำการซื้อ-ขายกันในช่องทางออนไลน์ได้เช่นกัน  ถือเป็นการหยิบยื่นประสบการณ์การซื้อสินค้าของลูกค้าได้เป็นอย่างดี เพิ่มความสะดวกให้สามารถเข้าถึงการซื้อขายได้อย่างครอบคลุม โดยในปัจจุบันช่องทางการสื่อสารออนไลน์ที่เป็นที่นิยม ได้แก่ Email Direct Marketing, Website, […]

5 ข้อดีของการเปิดหน้าร้าน – MyCloudFulfillment

ในยุคที่ใครๆ ก็ขายของออนไลน์ การมีหน้าร้าน ยังจำเป็นอยู่ไหม? ถ้าเปิดแล้วจะช่วยให้ขายดีขึ้นหรือเปล่า? คุณต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า… ลูกค้าจะมาจากหน้าร้านมากน้อยแค่ไหน? แล้วแบรนด์คุณจำเป็นต้องมีหน้าร้านไหม? ถ้าจำเป็น… ก็เปิด ถ้ายังไม่จำเป็น… ก็อย่าเพิ่งเปิดครับ แต่ถ้าถามผมว่า มีหน้าร้านแล้วมันดีไหม? แน่นอนมันต้องมีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่แล้ว ถ้าตัดเรื่องค่าเช่าที่ หรือค่าจ้างพนักงานออกไป ก็มีข้อดีเยอะแยะเลยครับ เท่าที่ผมคิดออกมี 5 ข้อ ลองอ่านแล้วเอาไปตัดสินใจกันดูนะครับ 1.ลูกค้ากล้าซื้อ มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นจุดแข็งของออฟไลน์ที่ร้านค้าออนไลน์ก็ยังทดแทนตรงนี้ไม่ได้การขายของแบบไม่เห็นหน้ากันมันจะมีความไม่สบายใจลูกค้าก็จะมีคำถามในใจว่า “จะโดนโกงไหมนะ” ฝั่งพ่อค้าแม่ค้าก็จะหงุดหงิดว่า “เมื่อไหร่จะโอน” แต่ถ้าเรามีหน้าร้าน ก็ตัดปัญหาตรงนี้ไปได้เลยครับลูกค้าจะรู้สึกว่า สามารถติดต่อเราได้ตลอดเวลาเราจะไม่หนีหายไป เพราะเราสามารถสร้างความน่าเชื่อถือได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ลูกค้าสามารถติดต่อเราได้ทุกที่ทุกเวลา  2.ได้ลองสินค้าจริง ตัดสินใจซื้อง่าย ผู้บริโภคยังมีความคิดที่ว่า ไม่เห็นไม่ซื้อถึงแม้จะเห็นรูปสินค้าออนไลน์อยู่ตรงหน้า แต่ก็ยังต้องการประสบการณ์ตรงกับตัวสินค้า เช่น สัมผัส มองเห็น ดมกลิ่น ได้ทดลองสินค้าจริงๆ ถ้าคุณขายของประเภทเสื้อผ้า หรือความสวยความงาม เช่น เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว น้ำหอม ฯลฯ การเปิดหน้าร้านก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น เร็วขึ้นด้วยนะครับ คุณอาจจะโปรโมทจากช่องทางออนไลน์ของร้านคุณว่ามีโปรโมชั่นนี้ที่หน้าร้าน เพื่อดึงดูดให้คนมาที่ร้านก็ได้ก็เป็นการเชื่อมออฟไลน์กับออนไลน์เข้าไว้ด้วยกัน 3.รู้ความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า […]

การทำธุรกิจแบบ B2C B2B และ B2B2C ต่างกันยังไง?

การทำธุรกิจแบบ B2C B2B และ B2B2C ปัจจุบันนี้ธุรกิจส่วนใหญ่นั้นมักจะเจาะกลุ่มตลาดออนไลน์ และให้ความสำคัญกับธุรกิจ E-commerce มากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนรูปแบบในการทำธุรกิจ จากเดิมที่มักจะเห็นธุรกิจแบบ B2C จนชินตา เปลี่ยนมาเป็น ธุรกิจแบบ B2B และ B2B2C เรามาทำความรู้จักธุรกิจทั้งสามแบบ ว่าคืออะไร เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ? กันดีกว่าครับ        B2C คืออะไร B2C หรือ Business-to-Customer คือธุรกิจที่ขายสินค้าหรือบริการระหว่างเจ้าของธุรกิจ(B) และผู้บริโภครายบุคคล(C) เป็นประเภทธุรกิจ E-commerce ที่มีความสัมพันธ์ระยะสั้นระหว่างเจ้าของธุรกิจและผู้ซื้อโดยตรง ซึ่งปัจจุบันธุรกิจประเภทนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างมาก เนื่องจากมีการเข้าถึงระบบออนไลน์ และเว็บไซต์ได้ง่าย ตัวอย่างธุรกิจ B2C ได้แก่ประเภทสินค้า เช่น อาหาร, เสื้อผ้า และ ประเภทบริการ เช่น สายการบิน, โรงแรม เป็นต้น B2B คืออะไร B2B หรือ Business-to-Business คือการทำการค้าระหว่างธุรกิจทำกับธุรกิจด้วยกัน โดยมีจุดประสงค์เพื่อ ตอบสนองความต้องการทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นด้านวัตถุดิบ การผลิตสินค้า […]