Knowledge Center

สินค้าคงคลัง คืออะไร มีประโยชน์อย่างไรบ้าง พร้อมเทคการจัดเก็บสินค้า 

สินค้าคงคลัง คืออะไร มีประโยชน์อย่างไรบ้าง พร้อมเทคการจัดเก็บสินค้า

ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของร้านค้าออนไลน์ ร้านค้าทั่วไป หรือโรงงานผลิตสินค้า การจัดการสินค้าคงคลังที่ดีเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณดำเนินไปได้อย่างราบรื่น เพราะการมีสินค้าพร้อมขายในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป จะช่วยให้คุณไม่พลาดโอกาสในการขาย และไม่ต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงเกินจำเป็น บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับสินค้าคงคลัง คืออะไร พร้อมเทคนิคการจัดการสินค้าที่จะช่วยยกระดับธุรกิจของคุณ 

สินค้าคงคลัง คืออะไร

สินค้าคงคลัง คือทรัพย์สินที่มีมูลค่าในรูปแบบของสินค้าที่องค์กรเก็บสำรองไว้เพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการจัดจำหน่าย การดำเนินงานในอนาคต การบริหารสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพจำเป็นต้องรักษาสมดุลระหว่างปริมาณสินค้าที่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด และการควบคุมต้นทุนการจัดเก็บที่เหมาะสม เพื่อให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างทันท่วงที โดยไม่เกิดภาระต้นทุนที่สูงเกินไป  

สินค้าคงคลังมีความสำคัญอย่างไร 

สินค้าคงคลังเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงการดำเนินธุรกิจให้เป็นไปอย่างราบรื่น การมีระบบจัดการสินค้าคงคลังที่ดีช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ โดยเฉพาะในด้านการควบคุมต้นทุนและการรักษาระดับความพึงพอใจของลูกค้า นอกจากนี้ การเข้าใจว่าสินค้าคงคลัง คืออะไร และควรมีการจัดการที่ดียังเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่สะท้อนถึงสุขภาพทางการเงินและประสิทธิภาพการดำเนินงานของธุรกิจนั้น ๆ เพราะฉะนั้นการบริหารจัดการที่ดีก็จะช่วยลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนสินค้าและการสูญเสียโอกาสทางธุรกิจ

สินค้าคงคลัง มีกี่ประเภท

สินค้าคงคลัง สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทหลัก ดังนี้   

  1. สินค้าพร้อมขาย (Ready-to-Sell Products) คือสินค้าหลักที่พร้อมแล้วสำหรับการจัดส่งให้ลูกค้าทันทีที่มีออเดอร์เข้ามา การมีสต็อกสินค้าพร้อมขายในปริมาณที่เหมาะสมก็จะช่วยสร้างความพึงพอใจ และประทับให้แก่ลูกค้าได้ 
  2. สินค้าสำหรับโปรโมชั่น (Promotional Items) คือสินค้าที่เตรียมไว้สำหรับแถมหรือจัดโปรโมชั่นร่วมกับสินค้าหลัก (Bundle) เช่น ของแถม สินค้าตัวอย่างหรือสินค้าขนาดทดลอง การสต็อกสินค้าประเภทนี้ไว้ ก็จะช่วยให้คุณสามารถรับมือกับคำสั่งซื้อที่เข้ามาได้ 
  3. วัสดุเพิ่มมูลค่าแบรนด์ (Branding Materials) หรือองค์ประกอบต่าง ๆ ที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การช้อปปิ้งของลูกค้า เช่น กล่องใส่สินค้าที่มีโลโก้แบรนด์ ถุงผ้าแบรนด์หรือการ์ดขอบคุณที่ออกแบบพิเศษ ซึ่งจะช่วยสร้างความประทับใจและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าหลัก
  4. สื่อส่งเสริมการขาย (Marketing Materials) เช่น โบรชัวร์แนะนำสินค้าใหม่ คูปองส่วนลดสำหรับการสั่งซื้อครั้งต่อไปหรือการ์ดสะสมแต้ม ซึ่งช่วยกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำและสร้าง Brand Loyalty ได้ในระยะยาว 
พนักงานตรวจเช็กสินค้า

ประโยชน์ของการจัดเก็บสินค้าคงคลัง 

การจัดเก็บสินค้าคงคลังอย่างเป็นระบบนำมาซึ่งประโยชน์มากมายต่อธุรกิจ โดยเฉพาะในด้านการรักษาความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน การจัดการสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างทันท่วงที ลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนสินค้าและช่วยควบคุมต้นทุนการดำเนินงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ  

เทคนิคการจัดการสินค้าคงคลัง มีอะไรบ้าง 

เมื่อเราเข้าใจว่าสินค้าคงคลัง คืออะไรแล้ว สิ่งสำคัญต่อมาคือการจัดการที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งต้องอาศัยเทคนิคและวิธีการที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถควบคุมปริมาณสินค้าและต้นทุนการจัดเก็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น

1. การแยกประเภทสินค้า

เริ่มต้นกันที่การแยกประเภทสินค้า เพื่อให้การหยิบสินค้าไปแพ็คส่งลูกค้านั้นมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งนี้สามารถแบ่งออกได้ทั้งหมด 3 ประเภท ดังนี้ 

  • การแยกประเภทสินค้าแบบ FIFO หรือ First-In, First-Out ซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะสำหรับร้านค้าที่ขายตามเลขที่ล็อต (Lot No.) ซึ่งจะช่วยในการติดตามแหล่งที่มาและคุณภาพของสินค้า ทำให้สามารถจัดการปัญหาคุณภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การแยกประเภทสินค้าแบบ FEFO หรือ First Expire date First Out โดยจะเรียงสินค้าตามวันหมดอายุ (Expiry Date) วิธีการแยกประเภทสินค้าแบบนี้ก็จะช่วยลดความผิดพลาดในการหยิบสินค้าที่หมดอายุให้แก่ลูกค้า 
  • การแยกประเภทสินค้าแบบ LIFO หรือ Last In First Out เป็นการจำแนกประเภทสำหรับสินค้าที่มีอายุการใช้งานจำกัด โดยการหยิบสินค้าที่เข้ามาล่าสุดออกก่อนเสมอ โดยการแยกประเภทสินค้าประเภทนี้จะช่วยให้คิดต้นทุน กำไรและภาษีได้ง่ายกว่าการจำแนกประเภทแบบอื่น ๆ 

2. ระยะเวลาในการจัดหาสินค้า

ระยะเวลาในการจัดหาสินค้าเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการจัดการสินค้าคงคลัง ผู้ประกอบการต้องเข้าใจและวางแผนเรื่องระยะเวลาในการสั่งซื้อ การผลิตและการจัดส่งสินค้า เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีสินค้าเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า โดยไม่เกิดปัญหาการแพ็คสินค้าไม่ทันหรือปัญหาขาดแคลนสินค้า 

3. การเตรียมสต๊อกสินค้าล่วงหน้า 

การบริหารสต๊อกให้เพียงพอกับความต้องการของตลาดถือเป็นหัวใจสำคัญ เพราะสินค้าคงคลัง คือต้นทุนที่เจ้าของธุรกิจต้องบริหารจัดการให้สมดุล โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลหรือแคมเปญพิเศษที่มียอดขายพุ่งสูง ปัญหาที่ร้านค้าออนไลน์มักเจอคือ “สินค้าขาดสต๊อก” ทำให้แพ็คสินค้าไม่ทันจนพลาดโอกาสทำกำไร หรือ “สินค้าค้างสต๊อก” ที่ส่งผลให้ต้นทุนจม 

ที่ MyCloud เราเข้าใจปัญหานี้ดี จึงพัฒนา MyCloud Inventory Dashboard แดชบอร์ดอัจฉริยะที่ช่วยวิเคราะห์และวางแผนการจัดการสต๊อกแบบครบวงจร จะแสดงภาพรวมสต๊อกทั้งหมด พร้อมแจ้งเตือนว่าสินค้าตัวไหนควรรีบเติมสต๊อก (Safety stock) หรือสินค้าใดที่ควรเร่งระบายเพื่อลดความเสี่ยงจากต้นทุนจม นอกจากนี้ยังช่วยวิเคราะห์แนวโน้มตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคผ่าน Customer Insights ทำให้คุณสามารถวางแผนการสั่งผลิตหรือนำเข้าสินค้าได้ตรงตามความต้องการของลูกค้า ก็จะช่วยให้คุณประเมินความต้องการสินค้าได้แม่นยำขึ้นและสามารถจัดเตรียมสต๊อกได้อย่างเหมาะสม ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป

 พนักงานตรวจเชกสินค้าก่อนนำส่ง

สรุปบทความ 

สินค้าคงคลัง คือสิ่งสำคัญที่ธุรกิจต้องบริหารจัดการให้เหมาะสม การจัดการสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพถือเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จทางธุรกิจ ดังนั้นการเข้าใจประเภทของสินค้าคงคลัง ความสำคัญและเทคนิคการจัดการที่เหมาะสมจะช่วยให้ธุรกิจสามารถควบคุมต้นทุน นอกจากนี้ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน และยังเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางการตลาด ไปพร้อมกับสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้ในระยะยาวอีกด้วย 

สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังมองหาโซลูชันการจัดการสินค้าคงคลังที่ครบวงจร MyCloud Fulfillment พร้อมให้บริการระบบ Inventory Management ที่ทันสมัย ช่วยให้คุณบริหารจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยระบบคลังสินค้าออนไลน์ที่ตอบโจทย์การเติบโตของธุรกิจออนไลน์ พร้อมฟีเจอร์ครบครันทั้งการติดตามสต็อกแบบ Real-time การจัดการคำสั่งซื้อและการรายงานผลแบบละเอียดด้วย MyCloud Inventory Dashboard กับ Dashboard สรุปยอดขายแบบภาพรวม ให้คุณสามารถวางแผนเพื่อสต็อกสินค้าได้ตรงตามกับจำนวนความต้องการขอลูกค้า ไม่ต้องเสี่ยงจมทุน ขายดีขึ้นแน่นอน เพราะเราช่วยให้คุณสามารถเติบโตทางธุรกิจได้อย่างไร้กังวล ปล่อยให้เรื่องหลังบ้านเป็นเรื่องของเราได้เลย  

บทความที่เกี่ยวข้อง

อ่านเพิ่มเติม

แชร์! วิธีการเปิดร้านค้า SHOPEE ผ่าน SHOPEE Seller ได้แบบง่าย ๆ ไม่กี่ขั้นตอน

หากคุณกำลังมองหาโอกาสในการสร้างรายได้ออนไลน์ การสมัครเป็น SHOPEE Seller ถือเป็นอีกช่องทางที่ตอบโจทย์ เนื่องจากในปัจจุบัน SHOPEE ถือเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มีผู้ซื้อกว่า 50 ล้านคนต่อเดือนในประเทศไทย พร้อมระบบการขายที่ครบวงจรและเครื่องมือทางการตลาดที่ทรงประสิทธิภาพ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หัดขาย หรือเจ้าของธุรกิจที่ต้องการขยายช่องทางการขาย วันนี้ MyCloud จะพาคุณไปดูขั้นตอนการเปิดร้านค้าบน SHOPEE แบบละเอียดทุกขั้นตอน พร้อมเทคนิคที่จะช่วยให้ร้านของคุณโดดเด่นและสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง ในบทความนี้กัน  SHOPEE Seller คืออะไร  SHOPEE Seller คือระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ที่ SHOPEE พัฒนาขึ้นเพื่อให้ผู้ขายสามารถบริหารจัดการร้านค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านแพลตฟอร์มที่เรียกว่า Seller Centre ซึ่งจะมาพร้อมเครื่องมือและฟีเจอร์ที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นระบบจัดการสินค้า การจัดส่ง การตลาดและการวิเคราะห์ยอดขาย นอกจากนี้ ยังรองรับการขายผ่านแอปพลิเคชันมือถือ ทำให้ผู้ขายสามารถบริหารร้านค้าได้ทุกที่ทุกเวลา  ขั้นตอนการสมัครสมาชิกเป็น SHOPEE Seller  การเริ่มต้นเป็นผู้ขายบน SHOPEE นั้นทำได้ง่ายและไม่มีค่าใช้จ่าย มาดูกันเลยว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ดังนี้  1. สมัครสมาชิก SHOPEE เริ่มต้นที่วิธีการสมัครสมาชิก โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ SHOPEE และคลิกไปที่เมนู ‘สมัครใหม่’ จากนั้นกรอกข้อมูลส่วนตัว […]

เจ้าของธุรกิจออนไลน์ควรรู้! เปิดร้านขายของใน Shopee เสียค่าอะไรบ้าง?

ในยุคที่การช้อปปิ้งออนไลน์กำลังเฟื่องฟู Shopee กลายเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยอดนิยมที่ผู้ประกอบการหลายคนเลือกเป็นช่องทางในการขายสินค้า แต่หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าการขายของใน Shopee มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่ผู้ขายต้องจ่ายเมื่อเปิดร้านบน Shopee เพื่อให้คุณสามารถวางแผนธุรกิจและคำนวณต้นทุนได้อย่างแม่นยำ พร้อมแล้วมาดูกันว่าขายของใน Shopee เสียค่าอะไรบ้าง   ขายของใน shopee เสียค่าอะไรบ้าง ก่อนที่จะเริ่มขายสินค้าบน Shopee ผู้ขายควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่จะต้องจ่าย เพื่อให้สามารถตั้งราคาสินค้าได้อย่างเหมาะสมและทำกำไรได้ตามเป้าหมาย มาดูกันว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง   1. ค่าธรรมเนียมจากการขาย การขายของใน Shopee มีค่าธรรมเนียมการขายที่แตกต่างกันตามประเภทของร้านค้าและหมวดหมู่สินค้า ซึ่งทางช้อปปี้จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในส่วนนี้จากทั้ง Shopee Seller ที่ลงขายแบบ Mall Sellers และ Non-Mall Sellers นั้น ทางช้อปปี้จะเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมเมื่อได้รับคำสั่งซื้อและจัดการคำสั่งซื้อจนเสร็จ ซึ่งจะเก็บค่าธรรมเนียมตามประเภทของสินค้า ดังนี้ หมวดหมู่สินค้า Shopee Mall Seller (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) Non-Mall Seller(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) สินค้าในหมวดหมู่อิเล็กทรอนิกส์ 9% – 11% 8% สินค้าในหมวดหมู่อิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ […]

แชร์! วิธีการเปิดร้านค้า SHOPEE ผ่าน SHOPEE Seller ได้แบบง่าย ๆ ไม่กี่ขั้นตอน

หากคุณกำลังมองหาโอกาสในการสร้างรายได้ออนไลน์ การสมัครเป็น SHOPEE Seller ถือเป็นอีกช่องทางที่ตอบโจทย์ เนื่องจากในปัจจุบัน SHOPEE ถือเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มีผู้ซื้อกว่า 50 ล้านคนต่อเดือนในประเทศไทย พร้อมระบบการขายที่ครบวงจรและเครื่องมือทางการตลาดที่ทรงประสิทธิภาพ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หัดขาย หรือเจ้าของธุรกิจที่ต้องการขยายช่องทางการขาย วันนี้ MyCloud จะพาคุณไปดูขั้นตอนการเปิดร้านค้าบน SHOPEE แบบละเอียดทุกขั้นตอน พร้อมเทคนิคที่จะช่วยให้ร้านของคุณโดดเด่นและสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง ในบทความนี้กัน  SHOPEE Seller คืออะไร  SHOPEE Seller คือระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ที่ SHOPEE พัฒนาขึ้นเพื่อให้ผู้ขายสามารถบริหารจัดการร้านค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านแพลตฟอร์มที่เรียกว่า Seller Centre ซึ่งจะมาพร้อมเครื่องมือและฟีเจอร์ที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นระบบจัดการสินค้า การจัดส่ง การตลาดและการวิเคราะห์ยอดขาย นอกจากนี้ ยังรองรับการขายผ่านแอปพลิเคชันมือถือ ทำให้ผู้ขายสามารถบริหารร้านค้าได้ทุกที่ทุกเวลา  ขั้นตอนการสมัครสมาชิกเป็น SHOPEE Seller  การเริ่มต้นเป็นผู้ขายบน SHOPEE นั้นทำได้ง่ายและไม่มีค่าใช้จ่าย มาดูกันเลยว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ดังนี้  1. สมัครสมาชิก SHOPEE เริ่มต้นที่วิธีการสมัครสมาชิก โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ SHOPEE และคลิกไปที่เมนู ‘สมัครใหม่’ จากนั้นกรอกข้อมูลส่วนตัว […]

เจ้าของธุรกิจออนไลน์ควรรู้! เปิดร้านขายของใน Shopee เสียค่าอะไรบ้าง?

ในยุคที่การช้อปปิ้งออนไลน์กำลังเฟื่องฟู Shopee กลายเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยอดนิยมที่ผู้ประกอบการหลายคนเลือกเป็นช่องทางในการขายสินค้า แต่หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าการขายของใน Shopee มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่ผู้ขายต้องจ่ายเมื่อเปิดร้านบน Shopee เพื่อให้คุณสามารถวางแผนธุรกิจและคำนวณต้นทุนได้อย่างแม่นยำ พร้อมแล้วมาดูกันว่าขายของใน Shopee เสียค่าอะไรบ้าง   ขายของใน shopee เสียค่าอะไรบ้าง ก่อนที่จะเริ่มขายสินค้าบน Shopee ผู้ขายควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่จะต้องจ่าย เพื่อให้สามารถตั้งราคาสินค้าได้อย่างเหมาะสมและทำกำไรได้ตามเป้าหมาย มาดูกันว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง   1. ค่าธรรมเนียมจากการขาย การขายของใน Shopee มีค่าธรรมเนียมการขายที่แตกต่างกันตามประเภทของร้านค้าและหมวดหมู่สินค้า ซึ่งทางช้อปปี้จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในส่วนนี้จากทั้ง Shopee Seller ที่ลงขายแบบ Mall Sellers และ Non-Mall Sellers นั้น ทางช้อปปี้จะเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมเมื่อได้รับคำสั่งซื้อและจัดการคำสั่งซื้อจนเสร็จ ซึ่งจะเก็บค่าธรรมเนียมตามประเภทของสินค้า ดังนี้ หมวดหมู่สินค้า Shopee Mall Seller (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) Non-Mall Seller(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) สินค้าในหมวดหมู่อิเล็กทรอนิกส์ 9% – 11% 8% สินค้าในหมวดหมู่อิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ […]